เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า… กับการติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้าน

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงปีนี้ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยกระแสราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ผู้คนเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับตัวเอง รถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกมองเป็นตัวเลือกที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น

ซึ่งอีกหนึ่งอย่างที่พัฒนามาควบคู่กับรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ EV Charger ที่หลายๆ คน เลือกที่จะติดตั้งตู้ชาร์จไฟไว้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการชาร์จพลังงานให้กับรถ เนื่องจากสถานีชาร์จไฟภายนอกนั้น ยังมีจำนวนไม่มากนักในปัจจุบัน วันนี้เราจะพามาดูการเตรียมพร้อม หากเราอยากจะติดตั้งตู้ชาร์จไว้ที่บ้าน จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยครับ

เตรียมตัวให้พร้อม ตรวจสอบความพร้อมของตัวบ้าน

  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ก่อนที่จะทำการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากติดตั้งระบบชาร์จผิดวิธี อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาได้
  • ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า โดยขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น 15(45) 1 เฟส(1P) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 
  • ติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า หากต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน โดยแนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น 30(100) จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ช่วยป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป และยังช่วยในเรื่องของการชาร์จไฟที่เสถียรมากขึ้นด้วย
  • บ้านบางหลังอาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นไฟ 3 เฟส ควรปรึกษาการไฟฟ้าก่อนติดตั้งเสมอ
  • ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) ป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกับไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ได้
  • สำรวจจุดติดตั้งเครื่อง EV Charger โดยคำนึงจาก
    • ระยะของเครื่องชาร์จจนถึงตัวรถ ระยะรวมไม่ควรเกิน 5 เมตร
    • เลือกจุดติดตั้งที่มีหลังคา เพื่อป้องกันฝน หรือป้องกันฝุ่นต่างๆ
    • เลือกจุดติดตั้งที่สามารถเดินสายไฟ จากเครื่องชาร์จไปสู่ตู้เมนไฟฟ้าในบ้านได้ หากไกลเกินไปอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินสายที่ค่อนข้างสูง
  • ตรวจสอบประเภทของหัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกับรถ โดยมักจะมีการแบ่งตามประเทศที่ผลิตรถยนต์ เช่น Type 1 สำหรับรถญี่ปุ่น และอเมริกา Type 2 สำหรับรถยุโรป หรือ Type GB/T สำหรับรถจีน
  • ตรวจสอบขนาด On-Board Charger หรือระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่อง EV Charger โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 3.6 kW ถึง 22 kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 

รูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามหลักสากล

  • MODE 1 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) บนรถมี On-board Charger แปลงเป็นกระแสตรง DC เข้ากับตัวรถ
  • MODE 2 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) โดยมี In Cable Control Box เป็นตัวควบคุมกระแสไฟที่เข้ารถ
  • MODE 3 : เสียบชาร์จรถด้วย EV Charger แบบ Wallbox เป็นรูปแบบที่ต่างประเทศ และการไฟฟ้าฯแนะนำสำหรับการชาร์จที่บ้าน เรียกว่า AC Fast Charging
  • MODE 4 : เสียบชาร์จรถด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC Fast Charging ชาร์จได้ด้วยความเร็วสูงมาก เพียง 20 นาที (สามารถใช้ได้เฉพาะรถ BEV เท่านั้น และไม่นิยมติดตั้งที่บ้านเนื่องจากราคาสูง)