![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/Hybrid-Banner02-684x1024.png)
ในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา เราจะได้เห็นการปรับตัวและรูปแบบการทำงาน จากทางองค์กรหรือตัวพนักงานเอง เนื่องจากสถานะการณ์ COVID-19 นั้นส่งผลกระทบอย่างเป็นวงกว้างในหลายๆ ด้าน ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและการใช้ชีวิต จากเดิมที่ต้องทำงานแต่ที่ออฟฟิศ ก็ปรับเปลี่ยนให้ทำงานจากที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ จึงเกิดเทรนด์การทำงานแบบ HYBRID WORKING ขึ้นมา
HYBRID WORKING คืออะไร และอะไรที่เป็นปัจจัย ที่ทำให้เกิดเทรนด์การทำงานรูปแบบนี้ขึ้นมา วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณครับ
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW01-1-1024x1024.png)
“ HYBRID WORKING ” คือ รูปแบบการทำงาน ที่ตัวพนักงานสามารถเลือกที่ทำงาน ได้อย่างมีอิสระ ไม่ว่าจะเป็นทำงานจากที่บ้าน หรือตามสถานที่อื่นๆ แทนการทำงานที่ออฟฟิศแห่งเดียว เมื่อตัวพนักงานมีอิสระในการทำงานมากขึ้น ก็ส่งผลให้งานออกมามีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดผลผลิตที่สูงขึ้น ภายใต้นโยบายการทำงานแบบ Flexible Working Policy
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW02-1-1024x1024.png)
ปัจจัยรอบด้านที่ทำให้เกิด “Hybrid Working” ขึ้นมา และได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน อย่างแรกก็คือ การปรับตัวของบริษัทชั้นนำของต่างประเทศ ที่มีการปรับรูปแบบการทำงาน อย่างเช่น Google หรือ Facebook ที่เริ่มปรับตัวเป็น Hybrid Working ซึ่งเป็นตัวอย่างให้องค์กรต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวตามมากขึ้น ปัจจัยต่อมาก็เกิดจากการที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องปรับเป็นการทำงานจากที่บ้าน หรือสลับกันเข้ามาที่ออฟฟิศ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด ป้องกันความเสี่ยงของการแพร่กระจายโรค ปัจจัยสุดท้ายก็คือตัวพนักงาน ที่ถูกปรับรูปแบบการทำงาน แต่ยังคงคุณภาพและประสิทธิภาพไว้ได้อย่างดี หรืออาจจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการมีอิสระในการทำงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้นโยบาย Flexible Working Policy ด้วย
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW03-1-1024x1024.png)
ประโยชน์ของรูปแบบการทำงาน “Hybrid Working” มีอยู่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น
- พนักงานมีอิสระกับการทำงานมากขึ้น จะช่วยดึงศักยภาพและประสิทธิภาพ ในการทำงานให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
- ดึงดูดคนรุ่นใหม่ๆ ที่มากความสามารถให้อยากร่วมงานกับองค์กรมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ จะค่อนข้างชอบความอิสระ ชอบใช้เทคโนโลยีและความทันสมัย เป็นตัวช่วยในการทำงาน
- องค์กรเปลี่ยนแปลงเป็นรูปแบบ Flexible Workplace มากขึ้น ส่งเสริมการทำงานในรูปแบบ Hybrid ส่งผลให้การทำงานของพนักงานดียิ่งขึ้น
- Hybrid Working ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 และยังทำให้องค์กรดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในช่วงที่มีโรคระบาด
- ลดค่าใช้จ่ายลงได้ จากการทำงานแบบ Hybrid ทั้งค่าใช้จ่ายขององค์กร หรือค่าใช้จ่ายของพนักงานเองก็ตาม
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW04-1-1024x1024.png)
ในบริษัทชั้นนำ จะให้อิสระกับพนักงานในการเลือก ที่จะเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเมื่อไหร่ก็ได้ และตัวองค์กรก็สามารถ ปรับลดพื้นที่โต๊ะทำงาน เป็นโต๊ะส่วนกลางแทน เป็นการช่วยลดพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้ โดยพนักงานที่จะเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ ก็สามารถใช้โต๊ะส่วนกลางได้ด้วย ซึ่งออฟฟิศชั้นนำในประเทศไทย ก็เริ่มมีการปรับพื้นที่ทำงานเป็นในรูปแบบ Co-Working Space มากขึ้น เช่น Google, Wongnai และออฟฟิศอื่นๆ อีกมากมาย
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW05-1-1024x1024.png)
หากองค์กรเริ่มปรับตัวเป็น “Hybrid Working” ก็ควรกำหนดนโยบาย Flexible Working Policy ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้พนักงานได้เข้าใจและปฏิบัติตาม เพื่อให้ยังคงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไว้ แม้ไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ รวมถึงการติดต่อประสานงานต่างๆ ด้วย การกำหนดนโยบายจะช่วยให้ ระบบการทำงานต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีติดขัด หากต้องทำงานรูปแบบ Hybrid ในระยะยาว ก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
![](https://astinestate.com/wp-content/uploads/2022/03/AW06-1024x1024.png)
“ ปัจจัยหลัก & ตัวเร่ง ” ที่ทำให้เกิดการปรับตัว ในองค์กรต่างๆ มากขึ้นในปัจจุบันนั้น ก็คือการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่กระทันหัน และบริษัทต่างๆ ยังคงต้องดำเนินธุรกิจให้ไปต่อ เหตุการณ์นี้จึงเป็นตัวกระตุ้น ให้องค์กรต้องหันมาปรับเปลี่ยนการทำงานใหม่ โดยเริ่มจากการทำที่บ้าน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดค่อนข้างสูง และปรับเปลี่ยนเป็นการผสมผสานข้อดี ของการทำงานจากที่บ้าน และการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเข้าด้วยกัน จึงเกิดเป็นการทำงานแบบ Hybrid Working Model นั่นเองครับ