Blog

เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า… กับการติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้าน

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงปีนี้ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยกระแสราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ผู้คนเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับตัวเอง รถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกมองเป็นตัวเลือกที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น

ซึ่งอีกหนึ่งอย่างที่พัฒนามาควบคู่กับรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ EV Charger ที่หลายๆ คน เลือกที่จะติดตั้งตู้ชาร์จไฟไว้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการชาร์จพลังงานให้กับรถ เนื่องจากสถานีชาร์จไฟภายนอกนั้น ยังมีจำนวนไม่มากนักในปัจจุบัน วันนี้เราจะพามาดูการเตรียมพร้อม หากเราอยากจะติดตั้งตู้ชาร์จไว้ที่บ้าน จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยครับ

เตรียมตัวให้พร้อม ตรวจสอบความพร้อมของตัวบ้าน

  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ก่อนที่จะทำการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากติดตั้งระบบชาร์จผิดวิธี อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาได้
  • ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า โดยขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น 15(45) 1 เฟส(1P) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 
  • ติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า หากต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน โดยแนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น 30(100) จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ช่วยป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป และยังช่วยในเรื่องของการชาร์จไฟที่เสถียรมากขึ้นด้วย
  • บ้านบางหลังอาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นไฟ 3 เฟส ควรปรึกษาการไฟฟ้าก่อนติดตั้งเสมอ
  • ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) ป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกับไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ได้
  • สำรวจจุดติดตั้งเครื่อง EV Charger โดยคำนึงจาก
    • ระยะของเครื่องชาร์จจนถึงตัวรถ ระยะรวมไม่ควรเกิน 5 เมตร
    • เลือกจุดติดตั้งที่มีหลังคา เพื่อป้องกันฝน หรือป้องกันฝุ่นต่างๆ
    • เลือกจุดติดตั้งที่สามารถเดินสายไฟ จากเครื่องชาร์จไปสู่ตู้เมนไฟฟ้าในบ้านได้ หากไกลเกินไปอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินสายที่ค่อนข้างสูง
  • ตรวจสอบประเภทของหัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกับรถ โดยมักจะมีการแบ่งตามประเทศที่ผลิตรถยนต์ เช่น Type 1 สำหรับรถญี่ปุ่น และอเมริกา Type 2 สำหรับรถยุโรป หรือ Type GB/T สำหรับรถจีน
  • ตรวจสอบขนาด On-Board Charger หรือระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่อง EV Charger โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 3.6 kW ถึง 22 kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 

รูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามหลักสากล

  • MODE 1 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) บนรถมี On-board Charger แปลงเป็นกระแสตรง DC เข้ากับตัวรถ
  • MODE 2 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) โดยมี In Cable Control Box เป็นตัวควบคุมกระแสไฟที่เข้ารถ
  • MODE 3 : เสียบชาร์จรถด้วย EV Charger แบบ Wallbox เป็นรูปแบบที่ต่างประเทศ และการไฟฟ้าฯแนะนำสำหรับการชาร์จที่บ้าน เรียกว่า AC Fast Charging
  • MODE 4 : เสียบชาร์จรถด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC Fast Charging ชาร์จได้ด้วยความเร็วสูงมาก เพียง 20 นาที (สามารถใช้ได้เฉพาะรถ BEV เท่านั้น และไม่นิยมติดตั้งที่บ้านเนื่องจากราคาสูง)

‘GEN Y’ กับการเลือกที่อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิต

เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ ว่าจริงๆ แล้วคน Gen Y คือใคร คือคนในช่วงอายุกลุ่มไหน ตัวเองอยู่ในช่วงนี้หรือเปล่า พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของกลุ่มคน GEN Y นี้เป็นแบบไหน แล้วที่อยู่อาศัยแบบไหนที่คน GEN Y จะรู้สึกว่า เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตของตัวเอง วันนี้เราจะมาเจาะพฤติกรรมและการเลือกที่อยู่อาศัยสำหรับการใช้ชีวิต ของกลุ่มคน Generation นี้กันครับ

Generation Y หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ  “Gen Y” คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 โดยถือเป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ การพัฒนาที่ก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยข้อได้เปรียบที่มากกว่าคนยุคก่อนหน้า ทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ทำให้คนกลุ่มนี้พัฒนาความคิดได้กว้างไกล พร้อมที่จะเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ และวัฒนธรรมใหม่ต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นตัวเองและความมั่นใจที่สูง กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบอีกด้วย

คน GEN Y มักจะมีลักษณะเฉพาะในแต่ละคน เช่น 

  • มีความเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระทางด้านความคิดสูง ไม่ชอบการถูกบังคับ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่สนใจ
  • มีความทันสมัยด้านเทคโนโลยี 
  • ความรู้ความสามารถรอบด้าน จากการศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่สนใจ
  • รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว ชอบความยืดหยุ่น
  • ชอบเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ

ซึ่งอาจจะมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้อีก ตามยุคสมัยที่พัฒนาอยู่ตลอด เป็น Generation ที่มีการปรับตัวตามความต้องการอยู่ตลอดครับ

จากพฤติกรรมและลักษณะเฉพาะตัวของคน GEN Y จะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ ความยืดหยุ่นในการทำงาน และความสนุกในการใช้ชีวิตอย่างสมดุล การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ต้องตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองให้ได้มากที่สุด และยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตได้ด้วย โดยเทคนิคในการเลือกซื้อของคน GEN Y ก็คือ 

  • ทำเลต้องดี มองถึงผลลัพธ์และความเป็นไปได้ในระยะยาว โดยต้องอยู่ในย่านเศรษฐกิจ ใกล้จุดเชื่อมต่อที่สามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆ หรือใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
  • การออกแบบ ต้องมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และตอบโจทย์ความต้องการได้ โดยดูได้จากพื้นที่ ประโยชน์ใช้สอย และฟังก์ชั่นการใช้งาน
  • ความปลอดภัย จะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อความสบายใจในการอยู่อาศัย
  • พื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส สวน ฯลฯ ต้องตอบโจทย์ความต้องการ สำหรับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตภายในโครงการได้อย่างดี

รู้หรือไม่? ใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ประหยัด

ค่าใช้จ่ายภายในบ้านหลักๆ แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นค่าไฟฟ้า ซึ่งหลายครั้งเราก็จะสังเกตุได้ว่า แนวโน้มของค่าไฟฟ้านั้นสูงขึ้น แต่กลับไม่รู้สาเหตุว่ามาจากอะไร เราใช้อะไรไปบ้างในเดือนนั้นๆ ทำไมค่าไฟฟ้าถึงได้เพิ่มขึ้น เพราะว่าเราเคยชินและใช้ไฟฟ้าในแบบเดิมๆ แต่บางช่วงเวลาเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรานั้น ทำงานหนักขึ้นมากแค่ไหน หรืออะไรที่กินไฟมากต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง วันนี้เรามีวิธีการลดการใช้งานไฟฟ้า เพื่อช่วยในการเชฟค่าใช้จ่ายภายในบ้านมาฝากกันครับ

“ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน”

เริ่มจากสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลย ก็คือการเริ่มปิดไฟดวงที่เราไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากปกติแล้วเราต้องการให้บ้านมีแสงสว่างที่เพียงพอ จึงเปิดไฟตามจุดต่างๆ ไว้ เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับตัวบ้าน แต่บางจุดที่เปิดไว้นั้นก็เป็นพื้นที่ ที่เราแทบไม่ได้เข้าไปใช้งานเลย ซึ่งเป็นการเปิดไฟทิ้งไว้เฉยๆ เป็นหนึ่งสิ่งที่เพิ่มค่าไฟได้เป็นอย่างดีเลย ฉะนั้นแล้วหากไม่ได้ใช้ไฟในจุดไหน ก็ควรปิดไฟทุกครั้ง เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านครับ

“ถอดปลั๊กหลังใช้งาน”

การปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการตัดกระแสไฟฟ้าเลยซะทีเดียวครับ เพราะถ้าหากเรายังเสียบปลั๊กค้างไว้อยู่ ก็ยังคงมีกระแสไฟฟ้าที่ไหลวนอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราเปิดใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยทันทีที่เปิดสวิตช์ไฟ ฉะนั้นแล้วก็ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานออกทุกครั้งด้วยก็จะเป็นการดีที่สุด

“ลดการใช้แอร์”

ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่ หลายๆ บ้านก็จะเริ่มลดอุณหภูมิแอร์ลงตาม เพื่อให้ได้ความเย็นตามต้องการ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นและกินไฟมากขึ้นด้วย เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ฟ้าฟ้าที่กินไฟค่อนข้างมาก ฉะนั้นแล้วเราควรเปิดแอร์ในอุณภูมิที่พอเหมาะ โดยเปิดแอร์ที่ 25 องศา หรือหากต้องการอุณหภูมิที่เย็นมากขึ้น ก็ควรตั้งเวลาปิดแอร์เอาไว้ให้เรียบร้อย และควรสำรวจประตูหน้าต่างภายในห้อง ให้ไม่มีเปิดทิ้งไว้หรือมีช่องโหว่ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดการทำงานของแอร์ได้มากขึ้นแล้วครับ

“ลดการใช้อุปกรร์อิเล็กทรอนิกส์”

ปัจจุบันนี้พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่น้อย แต่แล้วก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะบางอย่างนั้นสามารถทำให้รายจ่ายค่าไฟของเรา เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว เช่น บรรดาเครื่องปั่น ไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า หม้อทอดไฟฟ้า เตาอบ หรือเครื่องใช้จิปาถะอีกมากมาย จัดว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น มีอัตรากินไฟฟ้าค่อนข้างสูงทีเดียว หากเป็นไปได้ลองลดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ดู เพื่อเป็นการลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นครับ

“ซักผ้าในคราวเดียว”

หากเป็นคนที่แบ่งผ้าซักบ่อยๆ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการซักผ้าเล็กน้อย เนื่องจากเครื่องซักผ้าเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟค่อนข้างมากครับ หากจะลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าอาจจะต้องปรับการซักผ้าให้น้อยครั้งลง คัดผ้าที่สามารถซักด้วยกันในคราวเดียวได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้มากขึ้น

“เว้นระยะการใช้เครื่องดูดฝุ่น”

ถ้าหากบ้านคุณไม่ได้มีสัตว์เลี้ยง หรือเป็นบ้านที่ปิดมิดชิด ไม่มีฝุ่นจากภายนอกเข้ามาภายในบ้านเท่าไหร่ การลดการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างกินไฟ และยังต้องคอยถอดปลั๊กย้ายจุดอยู่ตลอด ทำให้เป็นการเรียกใช้งานไฟฟ้าที่ค่อนข้างมาก หากเป็นไปได้ควรดูดฝุ่น 2- 3 ครั้งต่อเดือน เท่านี้ก็ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟลงไปได้เยอะแล้วครับ

“เลือกสีห้องนอนตามฮวงจุ้ย” เรียกทรัพย์ เสริมดวง

สีห้องนอนของแต่ละบ้านนั้น มีลักษณะการเลือกแตกต่างกันไป แต่ในปัจจุบันก็มีการนำเรื่องของฮวงจุ้ย เข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการเลือกสีของห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกเพื่อช่วยเสริมดวง เรียกทรัพย์ อยู่อาศัยแล้วสุขกาย สบายใจ มองแล้วรู้สึกสบายตา ทำให้สามารถเพิ่มความสุขมากขึ้นได้ ยิ่งถ้าได้สีที่ถูกโฉลกกับเราแล้ว จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ดีเข้าไปใหญ่ วันนี้เราก็มีสีเสริมดวงสีต่างๆ สำหรับการแต่งห้องนอนมาฝากกันครับ ใครถูกโฉลกกับสีไหน หรือต้องการเสริมดวงด้านไหน เลือกเอาได้ตามใจเลยครับ

“สีขาว”

การตกแต่งห้องนอนด้วยโทนสีขาว หรือแม้แต่จะเป็นชุดเครื่องนอนด้วยก็ตาม จะช่วยให้ผู้อาศัยนั้น รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกสงบ แล้วก็ยังช่วยให้เรารู้สึกสบายตาด้วย เวลาที่เราใช้งานห้องนอนอยู่

“สีฟ้าอ่อน”

อีกหนึ่งสีที่ช่วยทำให้เรารู้สึกสงบ ก็คือสีฟ้าอ่อน นอกจากทำให้รู้สึกสงบแล้วนั้น การใช้ชุดเครื่องนอนหรือเฟอร์นิเจอร์ และผนังห้องสีฟ้าอ่อนนั้น ยังทำให้รู้สึกสบายกาย สบายใจด้วย เนื่องจากเป็นสีที่มีความสดใส และยังช่วยในเรื่องของการเสริมพลังงานของความสุขด้วยครับ

“สีครีม สีเหลือง”

สีที่ให้ความรู้สึกกระตือรือร้น ก็จะเป็นสีอย่างสีเหลืองและสีครีมครับ เนื่องจากเป็นโทนสีที่ดูมีพลังงาน ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป การใช้ชุดเครื่องนอนหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องเป็นโทนสีนี้ จะช่วยให้เรามีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นสีที่ช่วยเสริมด้านความสุขให้กับเราได้อีกด้วย

“สีขาว-ดำ”

หนึ่งในคู่สีที่ตัดกันได้อย่างลงตัว คือสีขาวและสีดำครับ โดยการตกแต่งภายในห้องนั้นอาจจะต้องระวังในเรื่องของสีดำ ที่ไม่ควรมีมากเกินไป เนื่องจากว่าสีดำอาจจะทำให้ห้องดูมืดทึบ อาจจะต้องหาเฟอร์นิเจอร์ หรือชุดเครื่องนอนที่มีสีขาวมาตัดกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลของทั้งสองสีครับ โดยความสมดุลของทั้งสองสีนี้จะก่อให้เกิดการเสริมดวงชะตา ให้กับทั้งตัวเองและกับครอบครัวด้วยครับ

“สีเขียว”

เป็นโทนที่ได้รับความนิยมขึ้นมามากๆ ในช่วงหลังมานี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ เริ่มมีการโหยหาความใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ทำให้การนำของตกแต่ง ของประดับเที่เป็นต้นไม้ต่างๆ เข้ามาใช้ในการแต่งห้องมากขึ้น โทนสีเขียวเลยเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมา โดยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ควรที่จะเลือกเฉดสีเขียวที่ไม่ฉูดฉาดมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้นอนหลับได้ยากครับ ส่วนการเสริมดวงชะตานั้น สีเขียวเป็นสีที่ช่วยส่งเสริมในเรื่องของโชคลาภเป็นหลัก และยังเป็นสีที่ช่วยเพิ่มความสงบด้วย เนื่องจากเป็นสีที่อิงมาจากธรรมชาติครับ

“ชมพู”

อีกหนึ่งสีที่จะพลาดไม่ได้เลย หากคุณต้องการเสริมดวงเรื่องของชีวิตคู่ เพราะว่าสีชมพูนี้เป็นสีที่เสริมเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่โดยเฉพาะ หากใครต้องการเสริมดวงในด้านนี้ ก็หาชุดเครื่องนอนสีชมพูมาใช้ได้ หรือจะเป็นการเลือกของประดับตกแต่งต่างๆ ที่เป็นโทนสีนี้ มาใช้ตกแต่งห้องนอนก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ

ROOFTOP GARDEN เปลี่ยนพื้นที่ดาดฟ้าให้เป็น…สวนสีเขียว

พื้นที่โล่งแจ้งชั้นบนสุดของบ้านหรือ “ดาดฟ้า” เป็นหนึ่งในพื้นที่หลายๆ บ้านนั้น มองข้ามประโยชน์ใช้สอยของส่วนนี้ไป หรือเป็นพื้นที่ที่แทบไม่ได้มีการใช้งานเลย เนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างร้อนของบ้านเราด้วย แต่วันนี้เราจะมาชวนทุกคนปรับพื้นที่โล่งแจ้งของบ้าน ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยที่ร่มรื่นมากขึ้น ด้วยการจัดทำพื้นที่สีเขียวให้ส่วนนี้กัน เพื่อเติมออกซิเจนให้ร่างกาย และเพิ่มร่มเงาให้กับบ้าน โดยจะมีไอเดียการปรับแต่งมุมสวนลอยฟ้า Rooftop Garden มาใช้งานในรูปแบบไหนบ้าง ไปชมพร้อมกันเลยครับ

“เปลี่ยนพื้นที่โล่งแจ้ง เป็นมุมสวนลอยฟ้า”

เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพื้นที่ดาดฟ้า ที่โล่งแจ้งของบ้าน ให้กลายเป็นมุมที่เพิ่มความร่มรื่นให้กับบ้าน กับการจัดทำเป็นุมมสวนลอยฟ้า ด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ อาจจะเลือกตามความชอบ หรือจะเลือกต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ ช่วยกรองฝุ่นละอองต่างๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ โดยปัจจุบันการปลูกต้นไม้ เลี้ยงพันธุ์ไม้ต่างๆ ถือเป็นกิจกรรมยามว่างชั้นดีเลย เนื่องจากพันธุ์ไม้บางชนิดนั้น สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ด้วย เป็นทางเลือกที่ดีที่จะเริ่มต้นปรับปรุงมุมดาดฟ้า ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยครับ

“มุมพักผ่อนส่วนตัว”

นอกจากมุมพักผ่อนภายในบ้านแล้ว การได้สูดอากาศธรรมชาติบ้าง ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำหากมีเวลาครับ ซึ่งถ้าหากเราปรับมุมดาดฟ้าเป็นอีกหนึ่งมุมพักผ่อน เราก็จะได้พื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งที่มีความเป็นส่วนตัว หากต้องการให้พื้นที่นี้ร่มรื่น ก็เลือกชนิดของต้นไม้ที่ให้ร่มเงาได้ดี อาจมีขนาดใหญ่เล็กสลับกันไป หากต้องการร่มเงามากขึ้นอาจจะตกแต่งเพิ่มเติมด้วยร่ม หรือหลังขนาดเล็กๆ เป็นมุมนั่งหลบแดดก็ได้ครับ แต่อย่าลืมตรวจสอบโครงสร้างของอาคารกับทางโครงการให้แน่ใจก่อน ว่ารองรับน้ำหนักต้นไม้และกระถางต้นไม้ได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ

“มุมทำงานท่ามกลางธรรมชาติ”

ในยุคการทำงานแบบ Hybrid Working หรือ New Normal แบบนี้ การมีมุมทำงานที่ทำให้ผ่อนคลาย ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันครับ งานจะออกมาดีได้ บรรยากาศโดยรอบก็ต้องดีด้วย ซึ่งการจัดพื้นที่นั่งทำงานไว้ที่มุมนี้ เป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดี จะได้มีมุมทำงานที่มองไปแล้วรู้สึกสบายตามากขึ้น และยังสามารถเปลี่ยนจากมุมทำงานในห้องเดิมๆ เป็นการทำงานที่เราจะรู้สึกรีแล็กซ์ได้มากขึ้นด้วยครับ

“พื้นที่ดาดฟ้ากว้างขวาง”

ที่โครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 มีพื้นที่ Rooftop ที่กว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการทำสวนลอยฟ้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความร่มรื่นให้กับตัวบ้าน จัดเป็นพื้นที่สังสรรค์ส่วนตัวสำหรับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว จัดทำลานซักล้างสำหรับแม่บ้าน หรืออื่นๆ ตามความต้องการได้อีกมากมาย

“VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34”

Luxury Townhome โครงการใหม่ บนทำเลใจกลางพระราม 3 คุณค่าเหนือกาลเวลาแห่งบ้านพักอาศัย ในงานสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น

.

ทาวน์โฮมหรู สไตล์ Classical Modernity ที่ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใจกลางเมือง

700 ม. จากทางด่วนสาธุประดิษฐ์

950 ม. จากเซ็นทรัลฯ พระราม 3

1 กม. จาก King’s College International School Bangkok

3 กม. จากแยกสาทร

พื้นที่ใช้สอย 340-400 ตร.ม. | เริ่ม 20.9 ล้าน*

ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 3,000,000 บ.* >> https://bit.ly/veritz-astin-estate

มั่นใจกับระบบควบคุมความปลอดภัยที่เหนือกว่า ด้วยประตูทางเข้าโครงการแบบ Double Gate และ ประตูชั้นที่ 2 ควบคุมด้วยรีโมททุกหลัง พร้อมความเป็นส่วนตัวที่สูงสุดเพียง 8 ครอบครัวต่อ 1 ซอย

ดูแล้วอยากแต่งตาม 5 Youtube Channel สำหรับคนชอบแต่งบ้าน

หากช่วงนี้ใครกำลังมองหาไอเดียแต่งบ้าน อยากจะปรับเปลี่ยนมุมต่างๆ ภายในบ้านใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน วันนี้เรามีไอเดียดีๆ จากช่อง YouTube มาฝากกันครับ กับ 5 ช่อง YouTube ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการแต่งบ้าน เลือกซื้อของตกแต่งบ้าน รวมไปถึง DIY สิ่งของต่างๆ เพื่อใช้สอยภายในบ้านครับ สามารถนำมาเป็นไอเดีย สำหรับตกแต่งบ้านของเราให้น่าอยู่มากขึ้นกันครับ

“ 승아네 seungahne ”

ช่องของ Youtuber จากเกาหลี ที่จะมาพาคุณแต่งห้องสไตล์ Minimal กับไอเทมเรียบง่าย รวมถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งให้เข้ากับห้องและการใช้งาน และยังมีการปรับเปลี่ยนมุมต่างๆ ภายในห้อง ให้ไม่ซ้ำจำเจอยู่ตลอดเวลาด้วย เป็นหนึ่งในช่องที่เหมาะกับคนที่ชอบปรับเปลี่ยนมุมห้อง มุมทำงาน ให้ไม่ดูจำเจครับ

“ Kristen McGowan ”

Youtuber ดีกรี Interior Design ที่จะมาพาคุณตกแต่งบ้านในแบบต่างๆ รวมไปถึง Vlog การไปเลือกซื้อของตกแต่งตามฤดูกาล การเลือกใช้สิ่งของหรือเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้าน พาคุณอัพเดทเทรนด์การตกแต่งบ้านในช่วงเวลานั้น และยังมีทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการแต่งบ้านรวบรวมอยู่อีกมากมาย เป็นหนึ่งช่องการแต่งห้องที่มีประโยชน์มากครับ

“ Reynard Lowell ”

เป็นหนึ่งในช่องที่รวมเนื้อหา การแต่งบ้านรูปแบบต่างๆ ไว้มากมาย แบ่งแยกการแต่งห้องได้อย่างครบครัน เช่น การแต่งห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ฯลฯ แม้คุณจะอยู่คอนโด เนื้อหาช่องนี้ก็รองรับคุณได้ มีทริคแนะนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ เลือกต้นไม้ในห้อง การตั้งงบประมาณสำหรับเลือกซื้อของต่างๆ หรือแม้แต่การ DIY ของมาใช้งาน ซึ่งตอบโจทย์มากๆ สำหรับคนชอบแต่งบ้าน หรือกำลังหาไอเดียดีๆ ต้องมาดูช่องนี้เลยครับ

“ is.rainbow ”

หากใครอยากได้ไอเดียการจัดห้องที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ก็แนะนำเป็นช่องนี้เลยครับ เนื้อหาในช่องจะไปทาง Room Makeover เพราะมีการปรับเปลี่ยนมุมต่างๆ ภายในค่อนข้างบ่อย แต่ยังคงสไตล์ Minimal Cozy ไว้ และยังแนะนำการซื้อของตกแต่ง ให้เข้ากับสไตล์ห้องด้วย เป็นอีกช่องนึงที่จะมาช่วยทำให้บ้านของคุณ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นครับ หากชอบสไตล์ Minimal Cozy พลาดไม่ได้เลยครับ

“ Bebe Doang ”

ช่องที่จะมาพาคุณจัดระเบียบภายในบ้าน ในห้องต่างๆ ของคุณ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังคอยแนะนำของตกแต่ง อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับใช้ภายในบ้านให้ด้วย เหมาะกับคนที่บ้านมีของเยอะ วางไว้ไม่เป็นระเบียบ ดูช่องนี้แล้วอาจจะต้องลุกไปจัดห้องของตัวเองเลยครับ

ปัจจัยที่ทำให้ทำเล “พระราม3 – สาธุประดิษฐ์” น่าอยู่มากที่สุด

เหตุผลที่ทำให้ทำเล…”พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์” น่าอยู่มากที่สุด

ทำเลน่าอยู่เกิดขึ้นจากหลายๆ ปัจจัยหลัก อย่างเช่น ความสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกที่รอบด้าน การคมนาคม และอีกมากมาย แต่ว่าจะมีซักกี่ทำเล ที่จะให้คุณได้ครบครันเกือบทุกด้าน ที่เป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิต ซึ่งทำเล “พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์” เป็นหนึ่งในทำเล ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย เนื่องจากเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน วันนี้เราจะพามาดูกันว่า จะมีเหตุผลใดบ้างที่ทำให้ทำเล “พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์” นี้ เป็นทำเลน่าอยู่มากที่สุด

พบกับทาวน์โฮมหรู สไตล์ Classical Modernity “ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 ” เผยอัตลักษณ์แห่งการใช้ชีวิตที่เหนือกว่า ผ่านทุกช่วงเวลาของการอยู่อาศัยที่โดดเด่น ที่สุดอุดมคติแห่งการพักผ่อนอันเงียบสงบ พื้นที่ใช้สอย 340-400 ตร.ม. เริ่ม 20.9 ล้าน* บนสุดยอดทำเลใจกลางเมือง 700 ม. จากทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 950 ม. จากเซ็นทรัลฯ พระราม 3 1 กม. จาก King’s College International School Bangkok 3 กม. จากแยกสาทร

หากพูดถึงทำเล “พระราม3 – สาธุประดิษฐ์” หลายๆ คนคงคิดว่า เป็นแค่ทำเลใกล้โซนธุรกิจอย่างสีลม-สาทร ไม่มีแลนด์มาร์คหรือจุดดึงดูดความสนใจจากผู้คน แต่ถ้าหากได้ลองมาสำรวจทำเลนี้ดูดีๆ แล้ว จะพบว่าทำเลนี้เป็นหนึ่งในทำเลที่ มีการเจริญเติบโตกว่าแต่ก่อนค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่เกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอด รวมไปถึงสถานบริการด้านต่างๆ และสถานศึกษาชั้นนำ ต่างกระจายตัวอยู่ในทำเลนี้ค่อนข้างมาก ทำให้หลายๆ ครอบครัว เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยภายในทำเลนี้กันมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นการซื้อเพื่ออยู่ในระยะยาว ซึ่งทำเลนี้เองก็ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากว่าที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Luxury Townhome ทำให้ขนาดและพื้นที่ของบ้านนั้น รองรับการขยับขยายของสมาชิกครอบครัวในระยะยาวได้ ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไปไม่ได้เลยคือเรื่องการเดินทาง ดดยทำเลนี้การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย รถไม่แออัดมากนักแม้เป็นโซนใกล้ทำเลธุรกิจก็ตาม เนื่องจากช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วน ปริมาณรถจะน้อยลงมาก ทำให้การจราจรนั้นคล่องตัวสูง แถมยังเชื่อมต่อสู่พื้นที่ต่างๆ ได้ง่าย เพราะว่าอยู่ใกล้ทางด่วนและถนนเส้นหลักครับ

หนึ่งในทำเลที่เด่นเรื่องสถาบันการศึกษา ก็ต้องยกให้กับ “พระราม3-สาธุประดิษฐ์” เนื่องจากว่าเป็นทำเลที่มีสถาบันการศึกษาชั้นนำ โดดเด่นในเรื่องของภาษา และวิชาความรู้ด้านต่างๆ นั้น กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างเยอะ ไล่ตั้งแต่สถานศึกษาสำหรับเด็กเล็ก จนไปถึงระดับมหาวิทยาลัย หากเป็นครอบครัวที่มีลูกหลาน ที่ไม่ต้องการให้เดินทางไปเรียนไกลบ้าน ที่นี่ก็เหมาะมากสำหรับเป็นตัวเลือกในการหาที่อยู่อาศัยในระยะยาว ซึ่งหากอยู่ที่โครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 ผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่ ก็สามารถเดินทางไปรับ-ส่ง ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย เนื่องจากระยะทางจากโครงการไปโรงเรียนแต่ละแห่งนั้น เป็นระยะทางที่ไม่ไกล ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากโครงการเพียงแค่ 750 เมตร เท่านั้นเองครับ

เหตุผลต่อมาเป็นเรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์นั่นเองครับ ซึ่งทำเลนี้สามารถพูดได้เลยว่าครบครันแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะแหล่งรวมสินค้าแฟชั่น ช้อปปิ้ง ความบันเทิง ร้านอาหาร ฟิตเนส ของใช้ในครัวเรือน รวมไปถึงบริการต่างๆ ซึ่งสามารถเลือกไปได้ตามที่เราสะดวกเลยครับ

อีกเหตุผลสำคัญที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน นั่นคือเรื่องของสุขภาพ แต่ในทำเล “พระราม3-สาธุประดิษฐ์” นั้น ยังมีสถาบันการแพทย์ชั้นนำอยู่ใกล้ๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบัน คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะด้วยเรื่องโรคระบาด การมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้คนที่อยู่อาศัย ในทำเลแห่งนี้นั้นหมดห่วงมากขึ้น

นอกจากนี้ทำเล “พระราม3-สาธุประดิษฐ์” ยังเป็นทำเลที่มีระบบขนส่งสาธารณะ ที่คอยอำนวยความสะดวกอยู่รอบพื้นที่ด้วย อย่างเช่น BTS สายสีลม ที่ใช้เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสยาม หรือเดินทางออกไปพื้นที่ฝั่งธนบุรีได้ และในอนาคตก็จะมีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา ที่เชื่อมจากพื้นที่โซน CBD อย่างสีลม-สาทร ไปสู่ทำเลอย่าง พระราม 3-สาธุประดิษฐ์ ได้อย่างสะดวก เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเทา มีเส้นทางที่วิ่งผ่านถนนนราธิวาสฯ ไปเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนพระราม 3 ที่สถานีคลองช่องนนทรี จากนั้นวิ่งตลอดทางถนนพระราม 3 จนถึงแยกเจริญกรุงครับ ซึ่งถ้าเป็นคนพื้นที่นี้ การมีรถไฟฟ้าสายสีเทาถือเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบาย สำหรับการเดินทางเข้า-ออก โซนนี้ได้ดีเลยครับ

สุดท้ายในเรื่องการคมนาคมภายในทำเลนี้ เป็นหนึ่งในทำเลที่เดินทางสะดวกสบายค่อนข้างมาก ด้วยสภาพการจราจรนั้น ถ้าวัดจากช่วงเวลาปกติ เป็นหนึ่งในทำเลที่การจราจรเบาบางมาก การเดินทางไปมาจึงไม่ต้องเผื่อเวลาสำหรับเดินทางมากนัก แถมยังเป็นทำเลที่เดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนอื่นๆ ได้ค่อนข้างง่ายด้วย เนื่องจากอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานคร ที่เดินทางไปยังกรุงเทพฯชั้นในได้ หรือจะเป็นสะพานภูมิพลที่ข้ามไปยังโซนสุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ และสะพานพระราม 3 ที่ใช้เชื่อมกับฝั่งท่าพระก็สะดวกมากๆ ครับ

—————————————————————– 

ตำแหน่งโครงการ : https://goo.gl/maps/UuZfLTgRPy1QFRg98

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.: 092-321-7888 

LINE ID : @astinestate หรือ https://lin.ee/GpnJh3J 

www.astinestate.com 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ราคาและโปรโมชั่นทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

#สาธุประดิษฐ์ #Townhome #VERITZ

เลือก Townhome อย่างไร… ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

หากวันหนึ่งเราต้องเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แต่ยังไม่รู้จะต้องเริ่มต้นยังไง เกิดคำถามขึ้นในใจต่างๆ มากมาย เพื่อให้ได้บ้านที่ตรงโจทย์ที่เราตั้งไว้ โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่มีบ้านให้เราเลือกหลายรูปแบบ หลากหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปใหญ่ หรือแม้กระทั่งราคาต่ำไปจนถึงราคาสูงๆ วันนี้เรามีวิธีการเลือกที่อยู่อาศัยในประเภททาวน์โฮมมาฝากกันครับ

  • เลือกตามงบประมาณที่เรามี

ก่อนที่เราจะเริ่มหาบ้านสักหลังหนึ่ง สิ่งที่เราจะต้องนำมาพิจารณาเป็นอย่างแรกเลย ก็คือการคำนวนงบประมาณที่เรามีครับ เพราะหากมีงบที่จำกัด ก็จะส่งผลให้เรามีกำลังซื้อที่น้อยลง ซึ่งการคำนวนงบประมาณนั้น ต้องนำค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้ามาเป็นปัจจัยร่วมอยู่ด้วย ซึ่งก็จะทำให้เราได้รู้ว่า มีกำลังพอที่จะซื้อบ้านในเรทราคาระดับไหนนั่นเองครับ

  • โลเคชั่น

หลังจากคำนวนงบประมาณไปแล้ว ก็ได้เวลาเลือกที่อยู่อาศัยที่เรามีกำลังซื้อ ซึ่งนำมาสู่การพิจารณาในเรื่องของ ตำแหน่งที่ตั้งของที่อยู่อาศัยด้วย ว่าอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือลูกๆ ที่จะต้องเดินทางไปสถานศึกษา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยทั้งสิ้น ยิ่งเราเลือกทำเลอยู่อาศัยที่เดินทางสะดวกมากเท่าไหร่ ก็ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มาก ไม่ต้องรีบร้อนหรือเผื่อเวลามากนักในการเดินทาง หรือหากใครเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็ให้มองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถใช้บริการของขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย เช่น มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยมูลค่าของทำเลที่จะสูงขึ้นครับ

  • สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

อีกหนึ่งที่จะทำให้การเลือกทำเลที่นั้นสมบูรณ์แบบสำหรับเรา ก็คือการพิจารณาจากสิ่งอำนวยความสะดวกของทำเลนั้นครับ โดยดูจากบริเวณโดยรอบของที่อยู่อาศัย ว่ารอบๆ โครงการนั้นมีแหล่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง อาทิเช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ทำให้โลเคชั่นนั้นเหมาะสม และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้นครับ

  • ฟังก์ชั่นของบ้าน

หลังจากเลือกทำเลได้แล้ว ก็ให้มาดูขนาดและฟังก์ชั่นของบ้านที่เราเลือกครับ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่ตอบโจทย์เรา หากเราเลือกอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว เพราะว่าส่วนใหญ่เราต้องใช้เวลาในบ้านต่อวันค่อนข้างมาก แถมยังใช้หลากหลายกิจกรรมด้วย การเลือกฟังก์ชั่นบ้านให้ลงตัวกับความต้องการ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

  • ระบบรักษาความปลอดภัย

เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงค่อนข้างมาก สำหรับเรื่องของความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน หรือช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่บ้าน บ้านของเราควรปลอดภัยอยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันหลายๆ โครงการ ก็จะมีการนำระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณกันขโมย อุปกรณ์ตรวจสอบควัน เซ็นเซอร์ต่างๆ ระบบตรวจสอบความสั่นสะเทือนของบ้าน และอีกมากมายที่ในปัจจุบันมี ซึ่งระบบพวกนี้จะมีแจ้งเตือนไปที่โทรศัพท์มือถือ ก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนภายนอกตัวบ้านก็ควรที่จะมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบโครงการด้วย

สายมูต้องรู้ ! เตรียมตัวอะไรบ้าง ก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่

สำหรับใครที่กำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ วันนี้เรามีวิธีการเตรียมตัว รวมไปถึงสิ่งที่ควรทำของการย้ายเข้าบ้านใหม่มาฝากกัน 

ในปัจจุบันความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยบ้าน ยังเป็นเหตุผลที่หลายๆ คน ถือเป็นตัวช่วยในการใช้ชีวิตให้ราบรื่น ฉะนั้นเรื่องความเชื่อจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการเข้าอยู่ในบ้านหลังใหม่ การทำตามขั้นตอนหรือพิธีการต่างๆ ก็เป็นการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ต่อเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยด้วย วันนี้เราจึงนำวิธีการต่างๆ ของการเสริมดวง สำหรับย้ายเข้าบ้านหลังใหม่มาฝากกัน

ฤกษ์มงคล เป็นหนึ่งในสิ่งที่คนจะย้ายสิ่งของ หรือย้ายเข้าบ้านใหม่ จะคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากความเชื่อเรื่องการเสริมดวง ไม่ว่าจะเป็นฤกษ์ตามวันเกิด ฤกษ์จากการดูดวง หรือจากวิธีอื่นๆ ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมดวงชะตาชีวิต ให้มีการใช้ชีวิตที่ราบรื่น ทั้งเจ้าของบ้านและผู้อาศัยนั่นเอง และวิธีนี้ยังสามารถรู้ได้ด้วย ว่าวันไหนหรือช่วงเวลาไหน ที่ควรจะหลีกเลี่ยงในการย้ายเข้าบ้านใหม่

การนิมนต์พระสงฆ์ เป็นหนึ่งในการประกอบพิธี เพื่อความสิริมงคลและเสริมโชคลาภ ให้ตัวเราและผู้อยู่อาศัย โดยถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานแล้ว ซึ่งการนิมนต์พระสงฆ์นั้น จะนิยมจำนวนเลขคี่ตามความเชื่อที่ว่า เลขคี่เป็นเลขมงคล โดยเฉพาะการนิมนต์พระสงฆ์เป็นจำนวน 9  รูป แต่เราสามารถเลือกตามความเหมาะสมของสถานที่ได้เช่นกัน ควรนิมนต์พระวงฆ์ก่อนเวลา เพื่อกำหนดฤกษ์ยามที่เหมาะสม

สำหรับการอัญเชิญพระพุทธรูปเข้าบ้านใหม่ ควรจะให้ผู้อยู่อาศัยที่มีอายุมากที่สุด เป็นผู้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้าบ้าน ตามความเชื่อว่าการให้ผู้ที่มีอายุมาก เป็นผู้อัญเชิญจะเป็นมงคลที่ดีต่อชีวิต  เมื่อวางพระพุทธรูปไว้บนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว ทำการจุดธูปเพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาปกปักรักษาบ้าน ช่วยให้บ้านร่มเย็นเป็นสุข

วัตถุมงคลสิ่งแรก เราได้อันเชิญไปก่อนแล้วก็คือพระพุทธรูป หลังจากนี้ก็สามารถนำวัตถุมงคลอื่นๆ เข้ามาไว้ในบ้านได้ตามต้องการ ซึ่งวัตถุต่างๆ ก็จะแตกต่างกันไปตามความเชื่อ เช่น ต้นไม้มงคลที่ช่วยเสริมความร่ำรวย นอกจากช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังช่วยให้บ้านดูสวยงามขึ้นด้วย 

การทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ เป็นความเชื่อที่อยู่กับคนไทยมานานแล้ว หลายครอบครัวก็จะมีความเชื่อแตกต่างกันออกไป การทำพิธีต่างๆ ก็เพื่อให้เกิดความพึงพอใจ ความสบายใจ และยังช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ให้แก่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆ อีกด้วยครับ

หยุดยาว “วันสงกรานต์” มาจัดบ้านให้น่าอยู่

วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ทั้งที มีเวลาก็มาจัดบ้านให้น่าอยู่กันมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ก็ถือโอากาสนี้ทำอะไรดีๆ ให้บ้านกันดีกว่า มุมไหนที่รกหรือสกปรก ที่เราละเลยมานาน ก็มาจัดการทำความสะอาด เก็บของให้เข้าที่เข้าทาง จัดครัวใหม่ ล้างห้องน้ำ ดูแลสวน และอีกหลากหลายที่สามารถทำได้ช่วงนี้ เพื่อให้บ้านของเราสวยน่าอยู่มากขึ้นกันครับ

เริ่มจากพื้นที่ที่เราใช้เป็นประจำ อย่างโซน Living Area ทั้งใช้รับแขก ใช้ทำกิจกรรมภายในครอบครัว เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมของสมาชิกในบ้านเลย ซึ่งใช้งานไปนานๆ เข้า ก็จะมีฝุ่นเกาะตามจุดต่างๆ ก็ทำความสะอาดกันหน่อย ด้วยการดูดฝุ่น ปัดกวาดตามใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ ตามซอกต่างๆ ถอดปลอกหมอนไปซัก จัดเก็บสิ่งของต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง เท่านี้ก็จะได้โซนพักผ่อนที่น่าอยู่มากขึ้นแล้วครับ

อีกหนึ่งพื้นที่ที่เราใช้งานกันแทบทุกวัน ก็คือพื้นที่ครัวและโซนรับประทานอาหาร ซึ่งโซนพวกนี้จะมีคราบน้ำ คราบอาหาร ที่สะสมอยู่ตลอดทุกๆ วัน โดยปกติเราก็จะทำความสะอาดหลังใช้งาน แต่อาจจะยังไม่สะอาดพอ เนื่องจากคราบที่สะสมมากขึ้น จะเช็ดออกยากขึ้น ฉะนั้นก็ควรใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดเป็นส่วนๆ ไป และทิ้งขยะที่เป็นเศษอาหารให้เป็นประจำ เก็บอุปกรณ์ทำครัว จัดให้เป็นที่เป็นทาง ไม่วางเกะกะไปทั่วครัว เท่านี้ก็เหมือนได้ห้องครัวใหม่ ที่สะอาดน่าใช้งานแล้วครับ

หนึ่งในพื้นที่ ที่ควรจะเป็นพื้นที่ที่สะอาดที่สุด ก็คือห้องนอนของเรานั่นเองครับ เนื่องจากเป็นห้องที่เราต้องใช้พักผ่อน หากปล่อยให้มีฝุ่นเกาะ หรือไม่ปัดกวาดเช็ดถูเลย อาจจะทำให้หายใจไม่สะดวกได้ ช่วงหยุดยาวแบบนี้ก็จะมีเวลาที่เราจะมาดูดฝุ่น ปัดฝุ่น ตามตู้ โต๊ะ เตียงนอน เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เพื่อจัดการกับฝุ่นต่างๆ ภายในห้อง และยังมีอีกหนึ่งส่วนที่ต้องคอยเก็บให้เป็นระเบียบก็คือตู้เสื้อผ้า เนื่องจากเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ฝุ่นจะจับตัวได้มาก เราต้องคอยจัดเก็บให้เป็นระเบียบ พับผ้าแยกกับชุดที่แขวนไม้แขวน ไม่นำผ้ามากองกันไว้ เพราะฝุ่นจะจับตัวได้ง่าย เท่านี้ปัญหาของฝุ่นละอองภายในห้องก็จะลดลงแล้วครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำ เนื่องจากเราใช้ห้องน้ำเป็นประจำ บางครั้งก็เกิดการสะสมของคราบน้ำต่างๆ ตามพื้นหรือผนังห้องน้ำ ควรทำความสะอาดห้องน้ำให้บ่อยมากขึ้น โดยเริ่มจากเช็ดถูคราบบนผนัง พื้น และสุขภัณฑ์ต่างๆ เปลี่ยนผ้าม่านกั้นอาบน้ำใหม่ หรือบ้านไหนเป็นกระจกแบ่งโซน ก็เช็ดทำความสะอาดคราบต่างๆ เพื่อลดการสะสมของคราบสกปรก แค่นี้ห้องน้ำก็จะสะอาดน่าใช้เหมือนเดิมแล้วครับ