Blog

รวมจุดเช็คอินใกล้บ้าน ทำเล ‘กัลปพฤกษ์‘

? รวมจุดเช็คอินใกล้บ้าน ทำเล ‘ กัลปพฤกษ์ ‘

‘ THREE MANGOES ’

ร้าน Restaurant & Bar บรรยากาศชิลๆ ตั้งอยู่ริมถนนกาญจนาภิเษก นั่นคือร้าน Three Mangoes ภายในร้านจะเป็นบรรยากาศเปิดโล่ง แบ่งเป็น 2 โซน คือกลางแจ้งด้านนอก สามารถนั่งรับลมกันได้อย่างเต็มที่ กับอีกหนึ่งถัดมาที่จะอยู่ในร่ม เผื่อไว้สำหรับวันที่ฟ้าฝนหรือบรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจ ร้านเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 01.00 น. โดยจะมีวงดนตรีผลัดเปลี่ยนมาเล่น สร้างบรรยากาศดีๆ ให้กับร้านครับ

‘ GEORGIO’s PIZZA BKK ’

ร้านพิซซ่าโฮมเมด ประจำย่านนี้ ร้าน Georgio’s Pizza BKK โดยร้านนี้เขาจะมีแป้งและซอสที่ทำขึ้นเอง จากฝีมือเชฟชาวต่างชาติ ตัวพิซซ่าเป็นสไตล์ Neapolitan แป้งนุ่มหนึบ ขอบหนา หน้าล้น หากอยู่ทำเลนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ไม่ควรพลาดครับ ร้านเปิดให้บริการ 11.00 – 19.30 น.

‘ หนองคายป้าสุ กัลปพฤกษ์ ’

ร้านอาหารเวียดนาม อาหารอีสาน และอาหารไทย ตั้งอยู่ริมถนนกัลปพฤกษ์ โดยเป็นร้านที่ให้ทั้งความสะอาด รสชาติ และราคา ที่คุ้มค่ากับคนที่มาทานมากๆ มีเมนูที่หลากหลาย และอาจจะแปลกตาสำหรับบางคน แต่รับรองว่ารสชาติอาหารถูกปากแน่นอน ร้านเปิดให้บริการ 10.00 – 22.00 น.

‘ ก๋วยเตี๋ยวเป่าปาก กัลปพฤกษ์ ’

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีเมนูหลากหลาย ทั้งก๋วยเตี๋ยวและเมนูอาหาร ทีเด็ดอยู่ที่หมูขั้ว หมูตุ๋น ตับตุ๋นที่เปื่อยนุ่มกำลังดี พร้อมน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน ที่รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน ร้านเปิดให้บริการ 10.00 – 20.00 น.

‘ GRAFIKA SPECIAL COFFEE ’

ร้านกาแฟเล็กๆ ริมถนนกัลปพฤกษ์ฝั่งขาเข้าเมือง ร้านเหมาะแก่การนั่งพักทานกาแฟ มีที่สำหรับนั่งชิวนอกร้าน เมนูอาหารร้านนี้จะเน้นหลักไปที่กาแฟครับ แต่ถ้าไม่ใช่คอกาแฟเองก็มีเครื่องดื่มอื่นๆ ให้บริการเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีขนมปังอย่างครัวซองค์ และถ้าอยากซื้อกาแฟกลับบ้าน ก็มี Cold Brew อีกด้วยครับ ร้านเปิดให้บริการ 8.30 – 15.30, 8.30 – 17.00 น.

‘ SEACON BANGKAE ’

ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าประจำย่านนี้เลย เป็นแหล่งรวมศูนย์บริการ ร้านอาหาร ความบันเทิงไว้มากมาย และนอกจากนี้ตัวศูนย์การค้าเองยังมีลานกิจกรรม ที่พลัดเปลี่ยนธีมอยู่ตลอดทุกเดือนอีกด้วย เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.30 – 21.30 น.

‘ THE MALL BANGKAE ’

อีกหนึ่งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ที่เป็นศูนย์การค้าประจำย่านนี้อีกแห่ง เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณแยกบางแค ทำให้เห็นเด่นมาแต่ไกล ซึ่งก็เป็นแหล่งรวมศูนย์บริการ ร้านอาหาร ความบันเทิงไว้มากมาย รวมถึงมีสวนน้ำบริเวณชั้นบนด้วย เหมาะสำหรับครอบครัว พาเด็กๆ มาว่ายน้ำเล่นกันได้ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น., 11.00 – 22.00 น.

‘ THE EXPLACE กาญจนาภิเษก ’

ห้างสรรพสินค้าทันสมัยขนาดใหญ่ ที่มีสินค้าจำเป็นหลายประเภท รวมถึงบริการต่างๆ กิจกรรมสำหรับครอบครัว และร้านอาหารไว้มากมาย เปิดให้บริการ 10.00 – 22.00 น.

‘ ตลาดน้ำ สำเพ็ง 2 ’

แหล่งท่องเที่ยวสไตล์จีน บนถนนกัลปพฤกษ์ ด้านในจะเป็นที่เที่ยวและร้านอาหารมากมาย แนะนำให้มาช่วงเย็น ร้านต่างๆ จะเปิดค่อนข้างเยอะ รวมถึงบรรยากาศร่มเย็นด้วย ซึ่งใครเป็นสายสตรีทฟู้ด ที่นี่เหมาะมากในการมาเดินหาของกินครับ

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า โครงการ MOMENTIA กัลปพฤกษ์-กาญจนาภิเษก นั้นถูกรายล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์มากมาย ไม่ว่าจะร้านอาหาร สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วทำเลนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งถ้ามีที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ต้องบอกเลยว่าสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครันเลยครับ 

ซึ่งทางโครงการ MOMENTIA กัลปพฤกษ์-กาญจนาภิเษก เป็นบ้านหรูสไตล์นีโอคลาสสิคโครงการใหม่ เดินทางสู่สาทร-สีลมเพียง 15 นาที ราคาเริ่ม 7.9 ล้าน* 

หากสนใจสามารถลงทะเบียนรับข้อมูลโครงการ >> https://bit.ly/3uaTJqa

? โทร : 061-570-1777 

? LINE ID : @astinestate หรือ https://lin.ee/GpnJh3J

6-7 AUG GRAND OPENING ‘VERITZ Sathupradit 34’

6-7 ส.ค. นี้ GRAND OPENING โครงการใหม่ I VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34

Classical Modernity Townhome บนทำเลใกล้ รร. King’s College เพียง 1 กม. เอกสิทธิ์เพียง 32 ครอบครัว 

พบข้อเสนอพิเศษวันงานก่อนปรับราคา 

– ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 3,000,000 บ.* >> https://bit.ly/veritz-astin-estate

– ฟรี ค่าใช้จ่ายวันโอนฯ*

– ฟรี ค่าส่วนกลาง 3 ปี*

– ฟรี สัญญาณกันขโมย

– ฟรี Digital doorlock

– ฟรี ฉากกั้นอาบน้ำ

คุณค่าเหนือกาลเวลาแห่งบ้านพักอาศัย ในงานสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น บนทำเล ศักยภาพและความเงียบสงบใจกลางพระราม 3

ตำแหน่งโครงการ : https://goo.gl/maps/UuZfLTgRPy1QFRg98 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.: 092-321-7888 

LINE ID : @astinestate หรือ https://lin.ee/GpnJh3J 

*หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

‘RECHARGE’ ไปกับคาเฟ่และร้านอาหาร ย่านพระราม 3 – สาธุฯ

‘ ???????? ’ ไปกับคาเฟ่และร้านอาหาร ย่านพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์

วันนี้จะพาไปชาร์จแบตให้กับตัวเอง เติมความสดชื่นให้กับชีวิต กับการไปพักผ่อนทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศดี ในย่านพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์กัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในย่านที่รวมร้านอาหารริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย และคาเฟ่สุดชิคดีไซน์สวยไว้อย่างมากมาย แต่ว่าจะมีร้านไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ

เริ่มร้านแรกด้วยร้านจากเชฟชื่อดัง อย่างร้านของเชฟป้อมจากเชฟกระทะเหล็กที่มากฝีมือและประสบการณ์ โดยร้าน Chef Pom Chinese Cuisine By TODD นี้ เป็นร้านอาหารจีนโมเดิร์น ออกแบบมาในสูตรลับเฉพาะของเชฟป้อม ซึ่งรับประกันว่าเมนูอาหารนั้น อร่อยแตกต่างไม่เหมือนที่ไหนอย่างแน่นอน นอกจากรสชาติอร่อยแล้ว หน้าตาอาหารแต่ละจาน ยังถูกตกแต่งให้สวยงามน่ารับประทานอีกด้วย โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

SAVOEY หรือร้านเสวย ริเวอร์วิว เป็นร้านอาหารริมน้ำอีกหนึ่งร้าน ขวัญใจคนย่านพระราม 3 เพราะภายในร้านที่นี่ มีทั้งโซนทานอาหารริมแม่น้ำ และยังมีโซนคาราโอเกะไว้ให้เหล่าวัยรุ่น และกลุ่มออฟฟิศมาใช้สังสรรค์กันได้ด้วย ส่วนเรื่องของเมนูอาหาร ทางร้านก็มีเมนูเด็ด ที่มาแล้วพลาดไม่ได้เลยอยู่หลายเมนู นอกจากนั้นยังมีเมนูติ่มซำ และอาหารทะเลมากมายเลยครับ โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น.

THYME Eatery & Bar ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นยูโรเปี้ยน บรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับการมาทานอาหารกับครอบครัว หรือสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ซึ่งเมนูของทางร้านก็มีให้เลือกทานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียน ฝรั่งเศส สเปน ที่ทำโดยเชฟที่มีประสบการณ์จากร้านระดับมิชลินสตาร์ พร้อมกับการใช้วัตถุดิบระดับ Premium ด้วยครับ นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการ Chef Table ด้วย แต่ต้องจองล่วงหน้านะครับ โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.30 น.

Good Haus BKK คาเฟ่น่านั่งในย่านพระราม 3 ที่ตกแต่งสุดแสนจะเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ร้านใช้โทนขาวไม้เป็นหลัก มองออกไปเป็นเห็นวิวต้นไม้สีเขียว ที่นี่มีทั้งเครื่องดื่มและขนมพร้อมเสิร์ฟ พร้อมมีเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Dirty Haus และบรรดาเมนูน้ำผลไม้สะกัดเย็น ที่เป็นสูตรโฮมเมดทำเองที่บ้านให้ได้เลือกดื่มด้วย โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.

Teyaki คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นแบบมินิมอล ใครที่ชอบร้านคาเฟ่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะมุมไหนๆ ก็น่ามานั่งชิลหรือมาถ่ายรูป สำหรับเมนูของทางร้าน ก็จะมีให้เลือกทั้งเครื่องดื่มแบบ coffee และ non-coffee และมีเบเกอรีโฮมเมดอย่าง Senbei ขนมญี่ปุ่น, โดนัท และครัวซองต์ เป็นร้านที่น่าจะถูกใจสายคาเฟ่อย่างแน่นอน โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น.

ร้าน Nadine’s Homecooking เป็นคาเฟ่บรรยากาศชิลๆ บรรยากาศร้านตกแต่งให้เหมือนเรานั่งทานกาแฟอยู่ในบ้าน ที่มีมุมสวนให้เราได้นั่งชิลท่ามกลางร่มไม้ ในส่วนของเมนูก็มีให้เลือกทั้งขนม เครื่องดื่ม และเมนูอาหาร ซึ่งเมนูเป็นสูตรของทางร้านเองอีกด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังมี Set อาหารเช้า ไว้คอยบริการคนที่ต้องการทานมื้อเช้าอีกด้วย โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

‘ Eco Livng ’ สร้างพื้นที่สีเขียว…ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ

‘Eco Livng’ สร้างพื้นที่สีเขียว…ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ

ปรับเปลี่ยนบ้านเพื่อการใช้ชีวิตแบบ Eco Living เพิ่มเติมความสดชื่นให้กับการอยู่อาศัย ภายในบ้านและคอนโด ด้วยการสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับที่อยู่อาศัย และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย ยังเป็นการช่วยสร้างคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่คุณและครอบครัวอีกด้วย

บ้านหรือคอนโดของแต่ละคน ต่างก็มีพื้นที่หรือสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการจะมีพื้นที่สีเขียวภายในบ้านหรือคอนโดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องของขนาดพื้นที่ ความต้องการพื้นที่สีเขียวของผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าของบ้าน การตกแต่งอาจจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่เรามี เช่น คนที่มีบ้านหรือทาวน์โฮม จะมีพื้นที่ให้ใช้สอยได้มาก อย่างการทำสวนในพื้นที่หน้าบ้านหรือด้านข้างตัวบ้าน หากบ้านไหนมีพื้นที่ชั้นบนที่เป็นส่วน Outdoor ก็สามารถใช้พื้นที่นี้ทำเป็น Rooftop Garden ได้ ส่วนคอนโดนั้นมีพื้นที่ที่จำกัด อาจจะเลือกจัดเป็น Vertical Garden ไว้ในบริเวณระเบียง หรือภายในห้องตามความเหมาะสม

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าเป็นทาวน์โฮมหรือคอนโดมิเนียม เราจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับเราออกแบบพื้นที่ใช้งานแต่ละส่วน ไว้สำหรับใช้ประโยชน์ในด้านไหน ซึ่งพื้นที่สีเขียวเป็นส่วนที่เราสามารถมาเพิ่มเติมได้ทีหลัง แต่หากมีพื้นที่มากพออย่าง Luxury Townhome ที่จะมีโซน Outdoor บริเวณด้านบน ก็ง่ายที่จะนำพื้นที่ส่วนนี้นั้นมาทำเป็น Rooftop Garden ทำให้บ้านนั้นได้รับความร่มรื่นจากพื้นที่ตรงนี้ด้วย และยังสามารถออกมาใช้นั่งพักผ่อนหรือทำงานได้ด้วย ส่วนคอนโดนั้นการมีพื้นที่จำกัด ไม่ใช่อุปสรรคหากอยากมีพื้นที่สีเขียว เนื่องจากในปัจจุบันการจัดสวนแบบ Vertical Garden นั้นมีตัวอย่างให้ดูมากมาย เราสามารถนำมาปรับใช้กับพื้นที่ที่จำกัดได้ อย่างเช่นการจัดสวนไว้บริเวณระเบียง ก็จะไม่รบกวนพื้นที่ในห้องด้วย

การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในตัวบ้าน จะช่วยเพิ่มอากาศและความสดชื่นให้ภายในบ้าน แล้วเราจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างไร จริงๆ แล้วสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะในปัจจุบันต้นไม้ฟอกอากาศ ถูกนำมาใช้วางตกแต่ง จัดเข้ามุมอยู่ในหลายๆ บ้านอยู่แล้ว ซึ่งต้นไม้เหล่านี้เป็นทั้งตัวช่วยในการฟอกอากาศ และยังถือเป็นการตกแต่งพื้นที่สีเขียวในตัวบ้านด้วย และเรายังสามารถเลือกต้นไม้ขนาดเล็กที่สามารถเติบโตได้แม้อยู่ในที่แสงน้อย มาตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกด้วย เท่านี้ก็จะทำให้เราสามารถมีพื้นที่สีเขียวไว้ภายในบ้านได้แล้ว

นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว อีกวิธีที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว หรือทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่าใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ก็คือการเลือกใช้พลังงานทดแทนอย่างเช่น Solar Cell เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานลง หรือการนำระบบ Home Automation มาควบคุมการใช้พลังงานโดยรวมภายในบ้าน เช่น ควบคุมระบบส่องสว่าง ควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เป็นการช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นลงได้มาก โดยทำงานร่วมกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จาก Solar Cell

อีกหนึ่งวิธีที่กำลังมาแรงในปัจจุบันนี้ ก็คือเลือกใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เพราะในปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า กำลังเข้ามามีบทบาทและทดแทนพลังงานน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งยานพาหนะทั้งรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สามารถชาร์จพลังงานได้ผ่านทาง EV Charger จากทั้งที่บ้านในแบบ Normal Charge หรือสถานีชาร์จไฟแบบ Quick Charge (DC)

‘ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 ’ ทำไมทำเล พระราม3 – สาธุประดิษฐ์ ถึงคุ้มค่ากว่า

‘ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 ’ ทำไมทำเล พระราม3 – สาธุประดิษฐ์ ถึงคุ้มค่ากว่า

พาส่องความคุ้มค่า ของทาวน์โฮมหรูใจกลางทำเล ‘พระราม3 – สาธุฯ’ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายที่รอบด้าน ไม่ว่าจะด้านการศึกษา การเดินทาง การแพทย์ รวมไปถึงอยู่ใกล้โซน CBD อย่างสีลม-สาทร  กับโครงการ ?????? สาธุประดิษฐ์ ??

” ??????? ????????? “

  1. โดดเด่นด้วยงานสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ?????? ????????? ย่านที่พักและร้านค้าสุดหรู ในบรรยกาศสุดคลาสสิคแบบดั้งเดิมของ ?????
  2. รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ที่มีมากถึง 340 – 400 ตร.ม. รองรับการขยับขยายในอนาคตได้อีกด้วย
  3. แบ่งสัดส่วนพื้นที่อย่างลงตัว รองรับทุกๆ กิจกรรมภายในครอบครัว พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับการปรับเปลี่ยนใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์
  4. พื้นที่สวนลอยฟ้าที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น ทำสวนลอยฟ้า ปรับเป็นพื้นที่พักผ่อน หรือพื้นที่สำหรับสังสรรค์แบบส่วนตัว และยังสามารถทำเป็นลานซักล้างได้ด้วย
  5. ทำเลศักยภาพใจกลางพระราม 3 ใกล้โซน CBD สีลม-สาทร รายล้อมด้วยโรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
  6. พร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับการอยู่อาศัย

ศักยภาพการเติบโตของราคาที่ดินในทำเล ‘พระราม3 – สาธุประดิษฐ์’
เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในทำเลใกล้โซน CBD หนึ่งข้อดีของการมีที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ก็คือเรื่องของมูลค่าครับ การมีที่ดินหรือที่อยู่อาศัยในทำเลที่ดีอย่างนี้ แน่นอนว่าในอนาคตนั้นราคาที่ดินยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยความต้องการที่มีมากขึ้นของผู้คน กับพื้นที่ที่เหลือน้อยลงไป ทำให้ราคาของพื้นที่โซนนี้ปรับตัวสูงขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งอัตราเติบโต 12 ปีหลัง สูงถึง 284% เฉลี่ยต่อ 4 ปี เพิ่มขึ้นถึง 57% โดยราคาประเมินจากกรมธนารักษ์รอบปี 2559-2562 คือ 250,000 บาท/ตร.ว. ส่วนช่วงถนนเส้นหลักของทำเลอย่างถนนพระราม 3 ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 170,000 – 250,000 บาท/ตร.ว.  และบริเวณพื้นที่โดบรอบโซนนี้ยังมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ขึ้นมาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ รวมไปถึงการเดินทางอย่าง รถไฟฟ้า BTS, BRT และในอนาคตกับรถไฟฟ้าสายสีเทา ทำให้เดินทางไปยังโซนต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงขึ้น และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของทำเลด้วยครับ

เทียบความคุ้มค่าของทาวน์โฮมและคอนโด ในทำเล ‘พระราม3-สาธุฯ-สาทร’

โดยโครงการทาวน์โฮมในโซนนี้ ส่วนใหญ่นั้นจะมียูนิตที่น้อยและส่วนใหญ่จะเป็นลักซูรี่ทาวน์โฮม ฉะนั้นราคาเริ่มต้นหากเทียบกับคอนโดในพื้นที่จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ทาวน์โฮมให้ได้มากกว่าคือพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้าน โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 200 ตร.ม. ไปจนถึง 500 ตร.ม. แต่คอนโดในราคาเท่ากันอาจจะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นได้ ยิ่งถ้าหากทำเลใกล้ สีลม-สาทร เข้าไป ราคาก็จะสูงขึ้นตาม และพื้นที่ที่ได้จะน้อยลงเนื่องจากราคาที่ดินในโซนนั้นค่อนข้างสูง และยังมีความวุ่นวายมากกว่าเนื่องจากใกล้แหล่งงาน ทำให้การจราจรและผู้คนพลุกพล่าน ส่วนทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ขยับออกมาจากโซนเมือง ทำให้จะมีความสงบมากกว่า ส่วนเรื่องการใช้พื้นที่ใช้สอย การอยู่ทาวน์โฮมนั้นจะมีพื้นที่เป็นอขงตัวเองในการทำกิจกรรมต่างๆ แตกต่างจากคอนโดที่บางพื้นที่อาจะจะต้องใช้ร่วมกับครอบครัวอื่น อาจทำให้รู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวนั้นลดน้อยลง

ทำเลใกล้โซน CBD สีลม – สาทร

ทำเล ‘พระราม3 – สาธุฯ’ นี้เหมาะกับครอบครัวที่ต้องเดินทางไปทำงานในโซน CBD หรือระแวกที่ใกล้เคียงอื่นๆ เนื่องจากที่ตั้งโครงการ ?????? สาธุประดิษฐ์ ?? ห่างจากพื้นที่ CBD เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก แต่อาจใช้เวลามากขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่เนื่องจากมีถนนเส้นรองหลากหลายเส้นทาง ก็สามารถใช้ถนนเส้นรองในการเดินทางไปยังที่ทำงานได้ และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครเพียงแค่ 500 ม. เท่านั้น

การเดินทางบนทำเล ‘พระราม3 – สาธุฯ’ เพื่อเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ

อย่างที่กล่าวไปว่าการเดินทางทำเลนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย เนื่องจากใกล้ทั้งทางด่วน ใกล้ถนนหลักที่เชื่อมไปยังโซนอื่นๆ หากต้องการเข้าเมืองก็มีตัวเลือกอย่าง BTS ด้วย และถ้าหากออกเดินทางจากโครงการ ?????? สาธุประดิษฐ์ ?? ไปยังพื้นที่อื่นๆ จะใช้เวลาเท่าไหร่บ้างไปดูกันเลยครับ

  • 500 ม. จากทางด่วน เฉลิมมหานคร
  • 950 ม. จากเซ็นทรัลฯ พระราม 3
  • 1 กม. จากโรงเรียนนานาชาติ King’s College
  • 15 นาที เชื่อมสู่ สาทร – สีลม
  • 16 นาที เชื่อมสู่ สุขสวัสดิ์ – พระราม2
  • 18 นาที เชื่อมสู่ ทองหล่อ – เอกมัย
  • 24 นาที เชื่อมสู่ สยาม
  • 25 นาที เชื่อมสู่ อโศก

โครงการ “?????? ??????????? ??” มีแบบบ้าน 2 แบบให้เลือก

  • แบบบ้าน ??????

หน้ากว้าง 7.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ จอดรถได้ 2-3 คัน พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้า 

  • แบบบ้าน ?????

หน้ากว้าง 6.45 เมตร พื้นที่ใช้สอย 340 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 พื้นที่กิจกรรม 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 2-3 คัน พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้า

7 ต้นไม้…เสริมฮวงจุ้ยให้บ้าน

7 ต้นไม้มงคล…เสริมฮวงจุ้ยให้บ้าน

ต้นไม้…นอกจากจะให้ร่มเงาแล้ว ปัจจุบันผู้คนยังนิยมปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล เสริมดวง เสริมโชคลาภ และเรียกทรัพย์สมบัติเข้ามาสู่ผู้คนในบ้าน แล้วต้นไม้มงคลที่ว่ามานี้ จะมีต้นอะไรบ้าง เรารวบรวมข้อมูลและลักษณะของต้นไม้มาฝากกันครับ

“ ต้นกวักมรกต ”

ต้นไม้มงคลขึ้นชื่อเรื่องของรวยทรัพย์ เชื่อกันว่าหากบ้านไหนปลูกต้นกวักมรกตไว้ จะช่วยเสริมในเรื่องของการกวักเงินกวักทองเข้าบ้าน และยังเชื่ออีกว่าหากปลูกแล้วออกดอก จะยิ่งส่งเสริมโชคลาภ มีความร่ำรวยยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ โดยต้นกวักมรกตจะมีใบสีเขียวมันเงา ลำต้นเป็นแนวตั้ง นิยมปลูกกันในร่ม และยังเป็นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศได้ด้วย

“ ต้นออมเงิน ”

อีกหนึ่งต้นไม้มงคลปลูกในบ้าน ต้นเล็กดูแลง่าย เชื่อว่าหากบ้านไหนปลูกต้นออมเงิน จะช่วยในเรื่องของการมีเงินมากขึ้น เพราะถือเป็นไม้ที่มีความหมายถึงการออมเงิน หรือการสะสมเงินทองไว้ให้มากๆ

“ ต้นใบเงิน ”

ต้นไม้มงคลรวยทรัพย์ ที่มีใบรียาวปลายแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ลำต้นมีความเป็นพุ่ม เวลามองดูจะทำให้มีความสดชื่น บ้านไหนที่ปลูกต้นใบเงินไว้ จะช่วยเสริมเรื่องการมีเงินทองไหลมาเทมา มีความมั่นคงไม่ขัดสน เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับครอบครัวและผู้อยู่อาศัยไปอีกนาน

“ ยางอินเดีย ”

ต้นไม้มงคลอีกหนึ่งต้นคือ ยางอินเดีย ด้วยลักษณะใบกลมมน ช่วยสื่อถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรืองในหลักฮวงจุ้ย จึงนิยมปลูกไว้ในบ้านเพื่อช่วยเรียกเงินทอง ความโชคดี และความสำเร็จ และยังเป็นต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ ขจัดมลพิษภายในบ้านด้วย

“ ไผ่กวนอิม ”

ไผ่กวนอิม หรือกวนอิม เป็นต้นไม้ที่มีชื่อมงคล ชาวเอเชียเชื่อว่าปลูกแล้วจะช่วยนำเงินทอง โชคลาภ ความสุข และความเจริญมาสู่ผู้คนในบ้าน และยังเชื่อว่าการปลูกไผ่กวนอิมนั้น จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและความรู้สึกไม่ดีออกไปด้วย นอกจากนี้จำนวนของต้นไผ่ ก็มีความหมายแตกต่างกันด้วย เช่น ไผ่ 3 ก้าน สื่อถึงความสุข ความร่ำรวย และชีวิตที่ยืนยาว ไผ่ 5-6 ก้าน สื่อถึงความมั่งคั่งและความโชคดี ไผ่ 7 ก้าน สื่อถึงสุขภาพดีครับ

“ พลูด่าง ”

ต้นพลูด่างนอกจากจะปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว ยังปลูกเป็นไม้มงคลได้ด้วย เพราะเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้ช่วยนำโชคลาภ และเงินทองเข้ามาสู่บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมช่วยฟอกอากาศและขจัดสารพิษได้อย่างดี ลักษณะของพลูด่างเป็นไม้เลื้อย ดูแลได้ไม่ยากนัก ต้องการน้ำปานกลาง และแสงแดดรำไร

“ ศุภโชค ”

ศุภโชคเป็นต้นไม้ที่เติบโตและพบเห็นได้ตามธรรมชาติ เป็นต้นไม้มงคลให้โชคลาภแก่คนปลูก ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่า เป็นต้นไม้ที่ช่วยดูดเงินทองเข้าบ้านหรือที่ทำงาน ถ้าหากปลูกไว้จะช่วยให้โชคดี มั่งคั่ง ร่ำรวย ยอกจากนี้ยังมีประโยชน์หลากหลาย ทั้งนำดอกและเมล็ดมาประกอบอาหาร ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงาม ดูแลไม่ยากและเลี้ยงในบ้านได้ ไม่ต้องโดนแสงมาก ชอบที่ร่มรำไรและอุณหภูมิปานกลาง

Inspiration of Avenue Montaigne

“ INSPIRATION OF AVENUE MONTAIGNE ”

แรงบันดาลใจจาก Avenue Montaigne ย่านที่พักและร้านค้าสุดหรู ในบรรยกาศสุดคลาสสิคแบบดั้งเดิมของ Paris สู่ Luxury Townhome สไตล์ Classical Modernity โครงการ ” VERITZ Sathupradit 34 “ บนทำเลใจกลางพระราม 3 คุณค่าเหนือกาลเวลาแห่งบ้านพักอาศัย ในงานสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น

Avenue Montaigne เป็นถนนในเขตที่ 8 ของปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่เดิมนั้นถนนเส้นนี้ถูกเรียกว่า allée des Veuves แต่ถนนเส้นนี้ก็ได้มีความเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมาก โดยชื่อปัจจุบันนั้นมาจาก Michel de Montaigne นักเขียนและนักปรัชญาของฝรั่งเศส ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ในศตวรรษที่ 19 ถนนแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของ The Bal Mabille (Mabille Gardens) หรือสถานที่แสดงการเต้นรำแบบเปิดที่ทันสมัย จึงกลายเป็นย่านที่มีสีสันมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็คือย่าน Avenue Montaigne นั่นเอง

โดยปัจจุบันย่าน Avenue Montaigne ก็กลายเป็นย่านการค้าแฟชั่นสุดหรู เนื่องจากมีร้านค้ามากมายที่เป็นร้านค้าแฟชั่นชั้นสูง เช่น Louis Vuitton, Dior, Chanel รวมไปถึงร้านค้าอัญมนีอย่าง Bulgari ด้วย ทั้งนี้ภายในย่านยังเป็นย่านที่พักที่มีโรงแรมหรูต่างๆ กระจายตัวอยู่อีกหลายแห่งด้วย

Paris ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองแห่งสถาปัตยกรรม ลายล้อมไปด้วยอาคาร สถานที่ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยสถาปัตยกรรมในปัจจุบันส่วนใหญ่แล้ว จะถูกออกแบบในสไตล์ Modern Classic ซึ่งก็คืองานสถาปัตยกรรมร่วมสมัย โดยเป็นการออกแบบที่ต่อเนื่องมาจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค โดยการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบันนี้

จากแรงบันดาลใจของ Avenue Montaigne ย่านที่พักและร้านค้าสุดหรูของประเทศฝรั่งเศส ถูกนำมาถ่ายทอด ในงานสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น สู่โครงการ VERITZ Sathupradit 34 ทาวน์โฮมหรูสไตล์ Classical Modernity ที่ออกแบบมาจากอาคาร และสถาปัตยกรรมที่สวยงามของ Avenue Montaigne จากกรุง Paris

โครงการ ” VERITZ Sathupradit 34 ” มีแบบบ้าน 2 แบบให้เลือก

  • แบบบ้าน VICTOR

หน้ากว้าง 7.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ จอดรถได้ 2-3 คัน พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้า 

  • แบบบ้าน VOGUE

หน้ากว้าง 6.45 เมตร พื้นที่ใช้สอย 340 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 พื้นที่กิจกรรม 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 2-3 คัน พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้า

โครงการ “?????? ??????????? ??” ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพความเงียบสงบใจกลางเมือง เชื่อมต่อย่านธุรกิจ พร้อมความสะดวกสบายในการเดินทางเพียง 500 ม. จากทางด่วนเฉลิมมหานคร 4 กม. จากแยกสาทร และ 7 กม. จากแยกอโศก รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ

เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า… กับการติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้าน

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงปีนี้ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยกระแสราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ผู้คนเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับตัวเอง รถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกมองเป็นตัวเลือกที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น

ซึ่งอีกหนึ่งอย่างที่พัฒนามาควบคู่กับรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ EV Charger ที่หลายๆ คน เลือกที่จะติดตั้งตู้ชาร์จไฟไว้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการชาร์จพลังงานให้กับรถ เนื่องจากสถานีชาร์จไฟภายนอกนั้น ยังมีจำนวนไม่มากนักในปัจจุบัน วันนี้เราจะพามาดูการเตรียมพร้อม หากเราอยากจะติดตั้งตู้ชาร์จไว้ที่บ้าน จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยครับ

เตรียมตัวให้พร้อม ตรวจสอบความพร้อมของตัวบ้าน

  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ก่อนที่จะทำการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากติดตั้งระบบชาร์จผิดวิธี อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาได้
  • ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า โดยขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น 15(45) 1 เฟส(1P) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 
  • ติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า หากต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน โดยแนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น 30(100) จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ช่วยป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป และยังช่วยในเรื่องของการชาร์จไฟที่เสถียรมากขึ้นด้วย
  • บ้านบางหลังอาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นไฟ 3 เฟส ควรปรึกษาการไฟฟ้าก่อนติดตั้งเสมอ
  • ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) ป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกับไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ได้
  • สำรวจจุดติดตั้งเครื่อง EV Charger โดยคำนึงจาก
    • ระยะของเครื่องชาร์จจนถึงตัวรถ ระยะรวมไม่ควรเกิน 5 เมตร
    • เลือกจุดติดตั้งที่มีหลังคา เพื่อป้องกันฝน หรือป้องกันฝุ่นต่างๆ
    • เลือกจุดติดตั้งที่สามารถเดินสายไฟ จากเครื่องชาร์จไปสู่ตู้เมนไฟฟ้าในบ้านได้ หากไกลเกินไปอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินสายที่ค่อนข้างสูง
  • ตรวจสอบประเภทของหัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกับรถ โดยมักจะมีการแบ่งตามประเทศที่ผลิตรถยนต์ เช่น Type 1 สำหรับรถญี่ปุ่น และอเมริกา Type 2 สำหรับรถยุโรป หรือ Type GB/T สำหรับรถจีน
  • ตรวจสอบขนาด On-Board Charger หรือระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่อง EV Charger โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 3.6 kW ถึง 22 kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 

รูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามหลักสากล

  • MODE 1 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) บนรถมี On-board Charger แปลงเป็นกระแสตรง DC เข้ากับตัวรถ
  • MODE 2 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) โดยมี In Cable Control Box เป็นตัวควบคุมกระแสไฟที่เข้ารถ
  • MODE 3 : เสียบชาร์จรถด้วย EV Charger แบบ Wallbox เป็นรูปแบบที่ต่างประเทศ และการไฟฟ้าฯแนะนำสำหรับการชาร์จที่บ้าน เรียกว่า AC Fast Charging
  • MODE 4 : เสียบชาร์จรถด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC Fast Charging ชาร์จได้ด้วยความเร็วสูงมาก เพียง 20 นาที (สามารถใช้ได้เฉพาะรถ BEV เท่านั้น และไม่นิยมติดตั้งที่บ้านเนื่องจากราคาสูง)

‘GEN Y’ กับการเลือกที่อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิต

เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ ว่าจริงๆ แล้วคน Gen Y คือใคร คือคนในช่วงอายุกลุ่มไหน ตัวเองอยู่ในช่วงนี้หรือเปล่า พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของกลุ่มคน GEN Y นี้เป็นแบบไหน แล้วที่อยู่อาศัยแบบไหนที่คน GEN Y จะรู้สึกว่า เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตของตัวเอง วันนี้เราจะมาเจาะพฤติกรรมและการเลือกที่อยู่อาศัยสำหรับการใช้ชีวิต ของกลุ่มคน Generation นี้กันครับ

Generation Y หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ  “Gen Y” คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 โดยถือเป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ การพัฒนาที่ก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยข้อได้เปรียบที่มากกว่าคนยุคก่อนหน้า ทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ทำให้คนกลุ่มนี้พัฒนาความคิดได้กว้างไกล พร้อมที่จะเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ และวัฒนธรรมใหม่ต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นตัวเองและความมั่นใจที่สูง กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบอีกด้วย

คน GEN Y มักจะมีลักษณะเฉพาะในแต่ละคน เช่น 

  • มีความเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระทางด้านความคิดสูง ไม่ชอบการถูกบังคับ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่สนใจ
  • มีความทันสมัยด้านเทคโนโลยี 
  • ความรู้ความสามารถรอบด้าน จากการศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่สนใจ
  • รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว ชอบความยืดหยุ่น
  • ชอบเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ

ซึ่งอาจจะมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้อีก ตามยุคสมัยที่พัฒนาอยู่ตลอด เป็น Generation ที่มีการปรับตัวตามความต้องการอยู่ตลอดครับ

จากพฤติกรรมและลักษณะเฉพาะตัวของคน GEN Y จะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ ความยืดหยุ่นในการทำงาน และความสนุกในการใช้ชีวิตอย่างสมดุล การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ต้องตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองให้ได้มากที่สุด และยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตได้ด้วย โดยเทคนิคในการเลือกซื้อของคน GEN Y ก็คือ 

  • ทำเลต้องดี มองถึงผลลัพธ์และความเป็นไปได้ในระยะยาว โดยต้องอยู่ในย่านเศรษฐกิจ ใกล้จุดเชื่อมต่อที่สามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆ หรือใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
  • การออกแบบ ต้องมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และตอบโจทย์ความต้องการได้ โดยดูได้จากพื้นที่ ประโยชน์ใช้สอย และฟังก์ชั่นการใช้งาน
  • ความปลอดภัย จะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อความสบายใจในการอยู่อาศัย
  • พื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส สวน ฯลฯ ต้องตอบโจทย์ความต้องการ สำหรับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตภายในโครงการได้อย่างดี

รู้หรือไม่? ใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ประหยัด

ค่าใช้จ่ายภายในบ้านหลักๆ แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นค่าไฟฟ้า ซึ่งหลายครั้งเราก็จะสังเกตุได้ว่า แนวโน้มของค่าไฟฟ้านั้นสูงขึ้น แต่กลับไม่รู้สาเหตุว่ามาจากอะไร เราใช้อะไรไปบ้างในเดือนนั้นๆ ทำไมค่าไฟฟ้าถึงได้เพิ่มขึ้น เพราะว่าเราเคยชินและใช้ไฟฟ้าในแบบเดิมๆ แต่บางช่วงเวลาเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรานั้น ทำงานหนักขึ้นมากแค่ไหน หรืออะไรที่กินไฟมากต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง วันนี้เรามีวิธีการลดการใช้งานไฟฟ้า เพื่อช่วยในการเชฟค่าใช้จ่ายภายในบ้านมาฝากกันครับ

“ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน”

เริ่มจากสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลย ก็คือการเริ่มปิดไฟดวงที่เราไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากปกติแล้วเราต้องการให้บ้านมีแสงสว่างที่เพียงพอ จึงเปิดไฟตามจุดต่างๆ ไว้ เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับตัวบ้าน แต่บางจุดที่เปิดไว้นั้นก็เป็นพื้นที่ ที่เราแทบไม่ได้เข้าไปใช้งานเลย ซึ่งเป็นการเปิดไฟทิ้งไว้เฉยๆ เป็นหนึ่งสิ่งที่เพิ่มค่าไฟได้เป็นอย่างดีเลย ฉะนั้นแล้วหากไม่ได้ใช้ไฟในจุดไหน ก็ควรปิดไฟทุกครั้ง เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านครับ

“ถอดปลั๊กหลังใช้งาน”

การปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการตัดกระแสไฟฟ้าเลยซะทีเดียวครับ เพราะถ้าหากเรายังเสียบปลั๊กค้างไว้อยู่ ก็ยังคงมีกระแสไฟฟ้าที่ไหลวนอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราเปิดใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยทันทีที่เปิดสวิตช์ไฟ ฉะนั้นแล้วก็ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานออกทุกครั้งด้วยก็จะเป็นการดีที่สุด

“ลดการใช้แอร์”

ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่ หลายๆ บ้านก็จะเริ่มลดอุณหภูมิแอร์ลงตาม เพื่อให้ได้ความเย็นตามต้องการ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นและกินไฟมากขึ้นด้วย เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ฟ้าฟ้าที่กินไฟค่อนข้างมาก ฉะนั้นแล้วเราควรเปิดแอร์ในอุณภูมิที่พอเหมาะ โดยเปิดแอร์ที่ 25 องศา หรือหากต้องการอุณหภูมิที่เย็นมากขึ้น ก็ควรตั้งเวลาปิดแอร์เอาไว้ให้เรียบร้อย และควรสำรวจประตูหน้าต่างภายในห้อง ให้ไม่มีเปิดทิ้งไว้หรือมีช่องโหว่ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดการทำงานของแอร์ได้มากขึ้นแล้วครับ

“ลดการใช้อุปกรร์อิเล็กทรอนิกส์”

ปัจจุบันนี้พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่น้อย แต่แล้วก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะบางอย่างนั้นสามารถทำให้รายจ่ายค่าไฟของเรา เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว เช่น บรรดาเครื่องปั่น ไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า หม้อทอดไฟฟ้า เตาอบ หรือเครื่องใช้จิปาถะอีกมากมาย จัดว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น มีอัตรากินไฟฟ้าค่อนข้างสูงทีเดียว หากเป็นไปได้ลองลดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ดู เพื่อเป็นการลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นครับ

“ซักผ้าในคราวเดียว”

หากเป็นคนที่แบ่งผ้าซักบ่อยๆ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการซักผ้าเล็กน้อย เนื่องจากเครื่องซักผ้าเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟค่อนข้างมากครับ หากจะลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าอาจจะต้องปรับการซักผ้าให้น้อยครั้งลง คัดผ้าที่สามารถซักด้วยกันในคราวเดียวได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้มากขึ้น

“เว้นระยะการใช้เครื่องดูดฝุ่น”

ถ้าหากบ้านคุณไม่ได้มีสัตว์เลี้ยง หรือเป็นบ้านที่ปิดมิดชิด ไม่มีฝุ่นจากภายนอกเข้ามาภายในบ้านเท่าไหร่ การลดการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างกินไฟ และยังต้องคอยถอดปลั๊กย้ายจุดอยู่ตลอด ทำให้เป็นการเรียกใช้งานไฟฟ้าที่ค่อนข้างมาก หากเป็นไปได้ควรดูดฝุ่น 2- 3 ครั้งต่อเดือน เท่านี้ก็ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟลงไปได้เยอะแล้วครับ