Home Office แนวคิดใหม่… รองรับการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ

ปัจจุบันเทรนด์ออฟฟิศแนวใหม่ จะมีความหลากหลายตามรูปแบบการทำธุรกิจ รวมถึงพฤติกรรมคนยุคใหม่ ซึ่งมุมมองการทำงานคนยุคนี้ มีแนวโน้มหันมาเป็นฟรีแลนซ์ หรือเป็นเจ้านายตัวเองมากขึ้น เพราะมองว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิต และประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า จึงต้องการสถานที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นสูงและตอบโจทย์ Home Office จึงเป็นตัวเลือกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในปัจจุบัน ซึ่งเหตุผลที่ Home Office เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม จะมีเหตุผลอะไรบ้าง เราไปรับชมกันเลยครับ

เหตุผลที่ทำให้ Home Office กลับมาบูมอีกครั้ง ก็คงเป็นเพราะธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมาในปัจจุบันค่อนข้างเยอะ เมื่อธุรกิจต่างกำลังอยู่ในช่วงขยายตัว ทำให้ความต้องการของพื้นที่ออฟฟิศก็มีมากขึ้น แต่ธุรกิจรูปแบบใหม่นั้นก็มักจะไม่ต้องการพื้นที่มากมายเท่ากับสำนักงานในเมืองเท่าไรนัก และยังไม่ต้องการลงทุนเช่าสำนักงานในราคาสูงด้วย หลายๆ ธุรกิจจึงเปลี่ยนมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศแทน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่า เพราะตัวโฮมออฟฟิศก็จะกลายเป็นสินทรัพย์ของบริษัทไปด้วยนั่นเองครับ

พอพูดถึงเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่าง Home Office ก็ต้องคำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้งด้วย เนื่องจากทำเลเป็นส่วนสำคัญในเรื่องของราคา ที่จะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับทำเลนั้นๆ ว่าภายในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันหรือไม่ หรือเป็นทำเลที่กำลังพัฒนาไปได้อีกมากน้อยเพียงใด ซึ่งการพัฒนาก็สามารถติดตามจากข่าวการเกิดขึ้นของโปรเจคใหม่ การสร้างรถไฟฟ้าตัดผ่านเส้นทาง หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกับทำเล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหตุผลในการเลือกที่ตั้งของออฟฟิศของเราด้วย และที่สำคัญฟังก์ชันของ Home Office ที่เลือก จะต้องตอบโจทย์ได้ทั้งการเดินทาง ทำงาน และอยู่อาศัยครับ

และเมื่อมี Home Office ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการอยู่อาศัยแล้ว ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปทำงาน ทำให้มีเวลาในการพักผ่อนหรือให้เวลากับกิจกรรมอื่นๆ ได้มากขึ้น เป็นการสร้างสมดุลให้กับชีวิต ทั้งในแง่ของการทำงานและการพักผ่อน โดยการทำงานก็อาจจะมีสมาธิมากขึ้น เพราะบรรยากาศโดยรอบจะเงียบสงบกว่าออฟฟิศในตัวเมือง ทำให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุด หลังจากเสร็จงานก็ยังมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น สามารถพักผ่อนทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ออกกำลังกาย เรียนรู้ทักษะใหม่ สร้างรายได้เสริมอื่นๆ ได้อีกด้วยครับ

ฟังก์ชันการออกแบบของ Home Office มักมีการออกแบบฟังก์ชันที่เหมาะกับบรรยากาศการทำงาน เช่น การจัดสรรพื้นที่นั่งทำงาน ห้องประชุม พื้นที่สำหรับพักอาศัย โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เพื่อรองรับการขยับขยายในอนาคตได้ แต่หนึ่งปัญหาที่สำคัญของออฟฟิศสมัยนี้ คือที่จอดรถที่ไม่เพียงพอสำหรับลูกค้าและพนักงาน ซึ่งโฮมออฟฟิศมักจะคิดตรงจุดนี้ไว้แล้ว จึงออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับจอดรถไว้อย่างพอเพียงกับความต้องการ ทำให้โฮมออฟฟิศถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัย และการเริ่มทำธุรกิจของตัวเองมากๆ ครับ

หนึ่งในทำเลที่ครบครันสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ เริ่มลงทุนซื้อ Home Office เพื่อทำงานและอยู่อาศัย นั่นก็คือทำเล “เกษตร-นวมินทร์” โดยโครงการที่แนะนำนั่นก็คือ “Biz Gallerie นวลจันทร์-เกษตรนวมินทร์” ที่ตั้งอยู่ติดถนนนวลจันทร์ เดินทางเข้าออกสะดวก บริเวณโดยรอบยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ใกล้กับเซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์ CDC เดอะวอร์คเกษตรนวมินทร์ รวมไปถึงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่ใช้เชื่อมต่อเข้าออกโซนเมืองและโซนอื่นๆ เชื่อมต่อเข้าสู่เอกมัย-พระราม 9 เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แม้ว่าจะเป็น Home Office ที่ตั้งอยู่บนทำเลใกล้เมือง ก็มีดีไม่แพ้ออฟฟิศใจกลางเมืองแน่นอน

—————————————————————-

BIZ GALLERIA นวลจันทร์ – เกษตรนวมินทร์ Office Residence 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 475 ตร.ม. ปรับสมดุลชีวิตทำงานและครอบครัวที่ลงตัวด้วยโฮมออฟฟิศ #พื้นที่ใช้สอยใหญ่สุดบนถนนเกษตรนวมินทร์ แบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำงานและพื้นที่ส่วนตัวสำหรับอยู่อาศัย มาพร้อมที่จอดรถ 6 คัน ทำเลทองของคนทำธุรกิจ

BIZ GALLERIA “KNOCK OUT DEAL” | 2 ยูนิตสุดท้าย รับส่วนลด 2,000,000 ล้าน*

จากราคา 20.23 ล้าน เหลือเพียง 18.23 ล้าน*

? ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษทันที คลิก ➤ http://bit.ly/2OYGhla 

——————————————————- 

?สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร. 02-946-1556 

รายละเอียด: http://bit.ly/2OYGhla 

แผนที่ https://goo.gl/maps/ywUMb8Zwc542 

1 วัน กับย่าน “พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์”

“ พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ” ย่านที่ถูกยกเป็นหนึ่งในย่านที่เงียบสงบ เดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวกสบาย การจราจรไม่แออัด และมีสถานที่พักผ่อนกระจายตัวอยู่ค่อนข้างมาก รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามกาลเวลาด้วย ทำให้ย่านพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ มีความน่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยวันนี้เราจะพาไปใช้ชีวิต 1 วัน กับย่าน “ พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ” กันครับ

เริ่มต้นวันกับชีวิตการทำงาน ซึ่งถ้าเราอาศัยอยู่ในโซนพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ที่เป็นทำเลใกล้ใจกลางเมือง เราค่อนข้างที่จะเดินทางมาทำงานหรือประชุมงาน ในโซน CBD อย่างสีลม – สาทร ค่อนข้างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเข้ามาถึงโซนนี้ได้แล้ว ซึ่งโซนนี้ก็จะมีอาคารสำนักงานหรือ Co-Working อยู่มากมาย ถ้าหากทำงานโซนนี้แล้วมีที่อยู่อาศัยโซนพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ต้องบอกว่าสะดวกสบายมากๆ

หลังจากเสร็จงานหรือธุระสำคัญในโซนเมืองแล้ว อยากจะหาสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ก็เดินทางกลับออกมาที่โซนพระราม 3 กันครับ ซึ่งแลนด์มาร์คของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้น “เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม3” ไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ครบครัน ทั้งความบันเทิง สินค้า และบริการต่างๆ ซึ่งผู้คนในย่านนี้มักจะเดินทางมาใช้บริการกันที่นี่อยู่แล้ว ซึ่งตัวห้างสรรพสินค้าเอง ก็มีการพัฒนาตามยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้เซ็นทรัลฯ แห่งนี้ ยังคงเป็นจุดรวมตัวของคนในพื้นที่นี้อยู่ตลอด

และถ้าหากมีเวลาว่างๆ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าทำในย่านนี้เลยก็คือ การหาสถานที่เดินดูงานศิลปะครับ เพราะในพื้นที่โซนนี้มักมีจุดรวบรวมงานศิลปะร่วมสมัยอยู่ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะที่นี่ N22 Art Community เป็นพื้นที่ที่ปรับปรุงจากโกดังให้เป็นพื้นที่ศิลปะ ที่เปิดให้คนที่สนใจเข้ามาร่วมสร้างสรรค์ศิลปะใหม่ๆ ร่วมกัน โดยปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้ก็มีสเปซงานศิลปะถึง 9 สเปซด้วยกัน ซึ่งแต่ละอาร์ตสเปชก็จะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป หากใครชอบเดินมิวเซียม เดินชมงานศิลปะอยู่แล้ว ที่นี่ก็เป็นจุดที่น่าสนใจเช่นกันครับ

อีกหนึ่งสถานที่ที่รวบรวมงานสร้างสรรค์ประติมากรรมปูนปั้นร่วมสมัย ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับสถานที่เกี่ยวกับศาสนาพอสมควร ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของทางตัววัดปริวาสฯ ที่ต้องการให้อุโบสถมีคุณค่าและมีความแปลกใหม่ โดยถ่ายทอดผ่านฝีมือช่างปูนปั้นของไทย นอกจากมีเวลาเดินชมประติมากรรมปูนปั้นแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดที่ผู้คนนั้นชอบมาให้อาหารปลา ที่มารวมกันอยู่บริเวณวังปลาเฉลิมพระเกียรติด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนที่สามารถมาได้ทุกโอกาส

สำหรับการพักผ่อนช่วงเย็นๆ ก็คงต้องเป็นที่ ASIATIQUE The Riverfront เดินทางจากพระราม 3 เข้าถนนเจริญกรุงไม่ไกล ก็จะพบชิงช้าสวรรค์เป็นจุดเด่นในช่วงถนนเจริญกรุงนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาพักผ่อน เพราะที่นี่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บริการ และความบันเทิงค่อนข้างครบครัน แถมบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตก แสงแดดอ่อนๆ ก็เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ

และแลนด์มาร์คใหม่ประจำ ASIATIQUE นั่นก็คือ ห้องอาหารเรือสิริมหรรณพ ที่ตั้งอยู่ที่ท่าเรือของ ASIATIQUE นี้เอง เหมาะกับการมาทานอาหารมื้อค่ำ มานั่งชิลพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะมาแบบครอบครัว หรือมาเป็นคู่รัก มากับกลุ่มเพื่อน ที่นี่ก็มีโซนที่เหมาะสำหรับทุกกลุ่มเลยครับ ซึ่งบนเรือสิริมหรรณพนั้นก็มีบริการทั้งบาร์ระดับพรีเมียม ห้องอาหาร บริการโดยโรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซึ่งถ้าหากอยากได้ที่นั่งวิวหันออกริมน้ำ แนะนำให้สำรองที่นั่งกันมาก่อนนะครับ

โครงการ “VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34” Luxury Townhome บนทำเลพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ใช้สอย ที่ให้ได้มากถึง 400 ตร.ม. รองรับการขยับขยายครอบครัวได้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพ รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานศึกษาชั้นนำ และโรงพยาบาล ยังเดินทางสะดวกสบาย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS ถ้าหากคุณกำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่างรอบด้าน โครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของคุณ

สรุปโดยย่อของย่าน “พระราม 3 – สาธุประดิษฐ์” เป็นทำเลที่ให้ความสะดวกสบาย ในการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความเงียบสงบสูง ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาที่คนต้องออกไปทำงานหรือช่วงเลิกงาน การจราจรก็จะมีความติดขัดบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากไม่ใช่จุดที่เป็นโซนสำนักงาน ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย ถนนส่วนใหญ่เป็นเส้นทางสัญจรผ่านเพื่อเข้าสู่โซนสีลม – สาทร เท่านั้น ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน ในพื้นที่นี้มีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล สถานศึกษาค่อนข้างครบครัน ถ้าหากใครกำลังมองหาที่อยู่อาศัย ย่านพระราม 3 – สาธุประดิษฐ์ ถือเป็นย่านที่เหมาะมากๆ สำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาวครับ

“ASTIN SMARTHOME” นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย

“ ASTIN SMARTHOME ” แอพพลิเคชันที่รวบรวมนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่เพื่อการอยู่อาศัย ให้คุณอยู่บ้านได้อย่างสบายใจในทุกวัน จัดการทุกสิ่งได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของคุณทุกเรื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบการแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชัน พร้อมทั้ง Fuction ต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน

Gateway : อุปกรณ์กระจายสัญญาณ 

เกตเวย์เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง สำหรับใช้เชื่อมต่อและกระจายสัญญาณ ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน อย่างเช่นอุปกรณ์ที่ใช้แอพพิเคชันในการสั่งงานเปิด/ปิด หรือการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านตัวแอพพิเคชัน โดยตัวเกตเวย์นั้นติดตั้งง่าย แค่เชื่อมต่อผ่านสาย Lan ก็สามารถใช้งานได้แล้ว และตัวสัญญาณก็ครอบคลุมพื้นที่ได้ไกลถึง 30 ม. เลยครับ

Door/ Window Magnetic : อุปกรณ์แม่เหล็กติดประตู / หน้าต่าง

สวิตช์แม่เหล็กติดประตูหน้าต่าง ใช้ในการตรวจสอบการล๊อคประตู/หน้าต่าง ใช้สำหรับกันขโมยได้ และประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้อีกด้วย ติดตั้งง่ายโดยนำสวิตช์แม่เหล็กไปติดที่ประตูหรือขอบหน้าต่าง สวิตช์แม่เหล็กจะส่งสัญญาณกันขโมย โดยแจ้งเตือนผ่านแอพพิเคชัน ใช้ตรวจสอบการปิดประตูหน้าต่างได้ ว่าปิดสนิทแล้วหรือยัง

Smoke / Heat Detector : เครื่องตรวจจับควัน / ความร้อน

เป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจจับควันไฟ หรือตรวจจับความร้อนภายในบ้าน โดยอุปกรณ์จะทำงานเมื่ออุณหภูมิถึงจุดสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยค่าตั้งต้นคืออุณหภูมิสูงเกิน 57.25 องศาเซลเซียส หรืออีกแบบหนึ่งคือ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นทีละ 8.25 องศาเซลเซียส ระบบจะทำการแจ้งเตือนไปยังแอพพิเคชัน โดยอุปกรณ์จะตรวจจับควันและความร้อนแบบนาทีต่อนาที หากบ้านไหนติดตั้งอุปกรณ์ไว้ภายในห้องควัน แนะนำให้ปิดฟังก์ชันการตรวจจับควันไว้ เผื่อในกรณีที่ทำอาหารและเกิดควัน ระบบจะได้ไม่แจ้งเตือนบ่อยจนเกินไปครับ

Shock Sensor : ตรวจจับการสั่นสะเทือน

เป็นเซนเซอร์ไร้สาย สำหรับตรวจจับการสั่นไหวของตัวบ้าน ประตู หน้าต่าง เป็นระบบป้องกันแรงสะเทือน หรือเตือนแผ่นดินไหว โดยสามารถใช้งานร่วมกับแอพพิเคชัน เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้เจ้าของบ้านรับรู้ และยังสามารถปรับตั้งค่าความไวการตรวจจับได้ถึง 3 ระดับ ต่ำ กลาง สูง และยังสามารถนำไปประยุกต์ในระบบกันขโมยได้อีกด้วย

Outdoor IP Camera : กล้องภายนอกอาคาร

กล้องวงจรปิดนอกตัวบ้าน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการตรวจสอบบริเวณภายนอกตัวบ้าน ได้จากระยะไกล สามารถดูภาพสดได้ผ่านแอพพิเคชัน โดยตัวอุปกรณ์มีเสาอากาศในตัว เพิ่มการเชื่อมต่อสัญญาณที่เสถียรยิ่งขึ้น ในเวลากลางคืนยังมีประสิทธิภาพในการมองเห็นสูงถึง 30 เมตร และมีคลาวด์เป็นแหล่งเก็บข้อมูลที่พร้อมใช้งาน โดยตัวอุปกรณ์ IP Camera นั้นถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานทุกสภาพอากาศ และยังป้องกันฝุ่นและฝนด้วยครับ

5 เคล็ดลับ แต่งห้องสำหรับผู้สูงอายุ

บ้านไหนที่มีสมาชิกเป็นครอบครัวใหญ่ หรือมีผู้สูงอายุภายในบ้าน การจัดห้องสำหรับผู้สูงอายุ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะด้านความปลอดภัย หรือความสะดวกสบายในการใช้ ซึ่งจริงๆ การจัดห้องผู้สูงอายุนั้นไม่ยากอย่างที่เราคิดกัน วันนี้เราก็มีทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการจัดห้องให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้สูงอายุกันครับ

“ ตำแหน่งของห้อง ” สำหรับบ้านของครอบครัวไหน ที่มีหลายชั้น แนะนำให้จัดทำห้องผู้สูงอายุไว้บริเวณชั้นล่างสุดของตัวบ้าน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน การเดินเข้าเดินออก และต้องไม่อยู่ในตำแหน่งที่ลึก หรือมีความซับซ้อนจนเกินไป เนื่องจากว่าหากเกิดกรณีฉุกเฉิน จะได้มีการช่วยเหลือและเข้าถึงได้ง่าย ภายในห้องควรมีพื้นที่กว้างขวางให้พอสมควร ไม่แคบจนเกินไป เพื่อรองรับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เช่น รถเข็น  อุปกรณ์ช่วยพยุงเดิน

“ พื้นเรียบเสมอกัน ” ในส่วนของพื้นห้องผู้สูงอายุนั้น ควรจะทำให้เรียบเสมอกัน ไม่ควรให้มีพื้นที่ต่างระดับ และเลือกใช้พื้นผิวที่ไม่ทำให้ลื่น เพื่อป้องกันการลื่นล้มหรือการเกิดอุบัติเหตุ โดยวัสดุปูพื้นควรเลือกใช้แบบพื้นผิวขรุขระ หรือที่มีการเซาะร่องกันลื่น ส่วนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดภายในห้อง ก็คือบริเวณห้องน้ำ เพราะเป็นส่วนที่โดนน้ำและทำให้เกิดการลื่นล้มได้ง่าย ควรใช้วัสดุปูพื้นสำหรับห้องน้ำโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัย

“ แสงสว่างภายในห้อง ” แสงสว่างภายในห้องเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก สำหรับห้องของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ควรติดตั้งหลอดไฟตามจุดต่างๆ เพื่อให้แสงสว่างเพียงพอต่อการมองเห็นของผู้สูงอายุ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เนื่องจากแสงจ้าจนเกินไปจะทำให้สายตาของผู้สูงอายุ ได้รับผลกระทบจากแสงที่มากเกิน แนะนำให้เลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสงนวลตา เพื่อเป็นการถนอมสายตาของผู้สูงอายุ

“ สิ่งอำนวยความสะดวก ” ภายในห้องของผู้สูงอายุนั้น ควรมีอุปกรณ์ต่างๆ ติดตั้งไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งราวจับ  อุปกรณ์ช่วยพยุงเดิน เพราะผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อาจจะต้องลุกเดินเข้าออกห้องน้ำบ่อยครั้ง การมีราวจับหรืออุปกรณ์พยุงเดิน จะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกขึ้น

“ เทคโนโลยีสมาร์ทโฮม ” ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในปัจจุบันนั้น มีอยู่หลากหลายชนิด แต่สำหรับห้องผู้สูงอายุ สิ่งที่สำคัญเลยนั่นก็คือสัญญาณเรียก ที่ผู้สูงอายุสามารถใช้สื่อสารเราได้ง่าย ช่วยให้คนในบ้านรับรู้ถึงความเคลื่อนไหว หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีการช่วยเหลือได้ทันเวลา โดยอุปกรณ์ที่ควรมี เช่น กระดิ่งไร้สายระบบ Wireless, ระบบแอพพลิเคชั่นต่างๆ  และสายรัดข้อมือที่มีระบบแจ้งเตือนครับ เท่านี้ก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย และสะดวกสบายมากขึ้นครับ

ความคุ้มค่าของการซื้อ “โฮมออฟฟิศ”

หนึ่งในตัวเลือกที่อยู่อาศัยที่มาแรงในยุคนี้ ต้องยกให้ “ โฮมออฟฟิศ ” เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาสนใจ ในการลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น จึงมีการมองหาสำนักงานที่จะตอบโจทย์ในทุกๆ ด้าน ซึ่งหากเป็นสำนักงานในเมืองหรือโซนธุรกิจต่างๆ ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง โฮมออฟฟิศจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มที่จะลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเช่าหรือซื้อเป็นของตัวเองครับ และอะไรที่เป็นเหตุผลให้คนเหล่านี้เลือกโฮมออฟฟิศ เป็นตัวเลือกแรกๆ วันนี้เรามีคำตอบครับ

“ โฮมออฟฟิศ…บนทำเลคุณภาพ ” สำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลง หรืออยากเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง คนโดยส่วนใหญ่จะเลือกเช่าตึกหรือ สำนักงานออฟฟิศที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เนื่องจากความนิยมในการเช่าตึกอาคารสำนักงานนั้น มีตัวอย่างมากมายในปัจจุบัน และค่อนข้างสะดวกสบายมากกว่า ทำให้เกิดพฤติกรรมในการเลือกซื้อที่เหมือนกัน แต่สำหรับคนที่คิดอยากมีพื้นที่ออฟฟิศที่ส่วนตัวมากขึ้น และยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ธุรกิจอื่นๆ ได้สะดวก ก็จะมองหาโฮมออฟฟิศที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ตอบโจทย์ได้ในเรื่องที่ต้องการ อย่างเช่นโครงการ Biz Gallerie นวลจันทร์-เกษตรนวมินทร์ ที่ตั้งอยู่ติดถนนนวลจันทร์ เดินทางเข้าออกได้สะดวก บริเวณโดยรอบยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย อยู่ใกล้กับเซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์ CDC เดอะวอร์คเกษตรนวมินทร์ รวมไปถึงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่ใช้เชื่อมต่อเข้าออกโซนเมืองและโซนอื่นๆ ได้ง่ายดาย เชื่อมต่อเข้าสู่ เอกมัย-พระราม 9 เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นครับ ทั้งหมดนี้ก็บอกได้ว่า ต่อให้จะเป็นโฮมออฟฟิศที่ตั้งอยู่บนทำเลใกล้เมือง ก็มีดีไม่แพ้ออฟฟิศใจกลางเมืองเลยครับ

“ คุ้มค่าทุกพื้นที่ใช้สอย ไม่ว่าจะทำงานหรือพักอาศัย ” และหากจะเทียบกับการเช่าสำนักงานกับการเป็นเจ้าของโฮมออฟฟิศสักแห่งหนึ่ง โฮมออฟฟิศจะตอบโจทย์คุณในเรื่องของการพักอาศัยด้วย โดยสำหรับคนที่ใช้บ้านเป็นทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัย โฮมออฟฟิศจะตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ใช้สอย ที่ให้มามากกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานอย่างแน่นอน เราสามารถจัดแบ่งโซนสำหรับการนั่งทำงาน และส่วนพักอาศัยออกจากกันได้อย่างชัดเจน เช่น การมีโฮมออฟฟิศ 3-4 ชั้น เราสามารถใช้ชั้น 1-2 เป็นโซนของออฟฟิศได้ พื้นที่ชั้น 3 อาจจะเป็นโซนที่ส่วนตัวมากขึ้น อาจจะจัดให้เป็นห้องทำงานส่วนตัว ส่วนชั้นสุดท้ายสำหรับไว้เป็นพื้นที่พักอาศัย ก็เป็นการแบ่งใช้พื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้โฮมออฟฟิศยังสามารถรองรับพนักงานได้จำนวนมาก จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าพื้นที่ใช้สอยที่ให้มาจะไม่เพียงพอครับ

“ ความเป็นส่วนตัวสูง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ” ถ้าหากมีโฮมออฟฟิศเป็นของตัวเอง ข้อดีอีกอย่างเลยก็คือความเงียบสงบที่จะได้เพิ่มมาอย่างแน่นอน เนื่องจากโฮมออฟฟิศส่วนใหญ่แล้วจะตั้งอยู่ในบริเวณที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ค่อนข้างมีความเป็น Private Zone ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ถ้าหากเช่าสำนักงานใจกลางเมืองร่วมกับอีกหลายๆ บริษัท คงหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่เจอผู้คนมากมาย แต่ผิดกับโฮมออฟฟิศที่มีคนพักอาศัยน้อยกว่ามาก ความเป็นส่วนตัวก็สูงตามไปด้วย

“ ที่อยู่อาศัยจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับการทำงาน ” การที่เรามีที่อยู่อาศัยดีๆ หรือออฟฟิศที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบไม่แออัด สิ่งนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคุณ หรือเพื่อนร่วมงานได้ เนื่องจากปราศจากสิ่งเร้า หรือสิ่งรบกวนจากภายนอก ทำให้มีสมาธิที่จดจ่อกับการทำงาน ส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังเพิ่มแรงบันดาลใจได้ ด้วยการตกแต่งออฟฟิศอย่างมีสไตล์ ทำให้คุณอยู่ภายใต้บรรยากาศที่สร้างสรรค์ ทำให้การใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

BIZ GALLERIA นวลจันทร์ – เกษตรนวมินทร์ | 3 ยูนิตสุดท้าย

รับส่วนลด 2,000,000 ล้าน* | จากราคา 20.23 ล้าน เหลือเพียง 18.23 ล้าน* 

▪️ใกล้ทางด่วนพิเศษฉลองรัชฯ 5 นาที 

▪️ใกล้ถนนเอกมัย 15 นาที 

▪️ใกล้ Central Festival East ville 10 นาที 

?สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-946-1556 

วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังบ้านด้วยตัวเอง

หลายๆ บ้านอาจจะเคยประสบปัญหาเชื้อราขึ้นตามผนัง ซึ่งเป็นหนึ่งปัญหาที่ต้องรีบจัดการในทันที ห้ามปล่อยไว้เป็นเวลานานเด็ดขาด เนื่องจากว่าเชื้อราเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคชั้นดีครับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับร่างกายของผู้อยู่อาศัยได้ เช่น ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ หอบหืด ไอจาม หรือเกิดการระคายเคือง ฉะนั้นแล้วเราควรที่จะขจัดปัญหาเชื้อราให้หมดไป ซึ่งสามารถทำง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง ใครที่กำลังพบเจอปัญหาเชื้อราอยู่ ก็ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ได้เลยครับ

“แปรงสีฟัน” หากเชื้อราที่พบไม่ได้เยอะมากและเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ ก็ไม่ควรละเลยเด็ดขาด เพราะหากปล่อยไว้อาจขึ้นเพิ่ม และกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้จัดการได้ยากขึ้น หากเชื้อรายังมีปริมาณที่ไม่มากนัก และเป็นจุดเล็กๆ เราก็หาแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วแบบแห้งมาถูบริเวณที่พบเชื้อรา เมื่อถูออกหมดแล้วให้เช็ดผนังอีกครั้งด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อทำการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

“น้ำยาฟอกขาว” หากพบเชื้อราที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าแบบที่หนึ่ง โดยมีขนาดประมาณฝ่ามือ การใช้แปรงสีฟันกำจัดคงใช้เวลานาน และประสิทธิภาพไม่มากพอ ซึ่งอีกหนึ่งวิธีที่แนะนำก็คือการใช้น้ำยาฟอกขาว ถ้าบ้านไหนไม่มีก็ใช้ผงซักฟอกทดแทนได้ โดยผสมกับน้ำและกรอกใส่ขวดแบบสเปรย์ จากนั้นฉีดพ่นไปที่บริเวณผนังที่พบเชื้อรา จากนั้นก็ใช้แปรงขัดออก น้ำยาฟอกขาวหรือผงซักฟอกจะช่วยให้ขัดเชื้อราออกง่ายขึ้น หลังจากนั้นก็ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด

“ แอลกอฮอล์ ” หากพบเชื้อราขึ้นบนผนัง แต่มีจำนวนและขนาดน้อยมาก ๆ ให้ใช้แอลกอฮอล์ฉีดพ่นหรือราดบริเวณผนังที่พบปัญหาเชื้อรา แต่วิธีนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารเคมี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เช่น หน้ากากอนามัย ถุงมือ และเปิดประตู-หน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ง่าย

“ทาสีใหม่” หากบ้านไหนที่พบปัญหาเชื้อราที่เยอะมาก จนทำให้ผนังบ้านไม่น่ามอง อาจจะต้องใช้วิธีการทาสีใหม่ทับ โดยก่อนที่จะทำการทาสีใหม่ จะต้องทำความสะอาดผนังเก่าให้เรียบร้อยก่อน โดยการใช้แปรงขัดและเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วจึงเริ่มทาสีใหม่ทับสีเดิม เมื่อทาสีใหม่ควรเลือกสีที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพในการป้องกันและยับยั้งเชื้อราด้วย

ที่อยู่อาศัยบนทำเลคุณภาพ Luxury Townhome “VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34”

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งของชีวิตครอบครัว การขยับขยาย หรือการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ก็จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้น เพราะการจะเลือกซื้อบ้านสักหลังหนึ่งนั้น ต้องมีการคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน และละเอียดถีถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของสเปซกับขนาดครอบครัว ทำเลที่สะดวกเรื่องการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ต้องตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของครอบครัวด้วย

โดยโครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 สามารถตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ใช้สอย ที่ให้ได้มากถึง 400 ตร.ม. รองรับการขยับขยายครอบครัวได้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพ รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานศึกษาชั้นนำ และโรงพยาบาล และยังเดินทางสะดวกสบาย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS ถ้าหากคุณกำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่างรอบด้าน โครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตคุณครับ

“ทำเลแห่งการศึกษา” ต้องบอกว่าการมีที่อยู่อาศัย ในทำเลสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 นั้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง สบายใจเรื่องการศึกษาของน้องๆ หนูๆ ไปได้เลย เนื่องจากว่าทำเลนี้ มีสถานศึกษาชั้นนำกระจายตัวอยู่มากมายหลายแห่ง รองรับตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงเด็กโต ทำให้เด็กๆ ไม่ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือไกลบ้าน หรือผู้ปกครองเองก็ไปรับไปส่งได้สะดวกด้วย ซึ่งสถานศึกษาเหล่านี้ก็จะมี รร.พระแม่มารี สาธุประดิษฐ์, รร.นานาชาติ คิงส์คอลเลจ, รร.นานาชาติ สาทรใหม่, รร.กรุงเทพคริสเตียน, รร.สารสาสน์พิทยา, รร.สารสาสน์เอกตรา, รร.นานาชาติเรนทรี, รร.นานาชาติ โชรส์เบอรี่

“ทำเลติดโซน CBD” การที่จะมีที่อยู่อาศัยในโซน CBD เลยนั้น อาจจะไม่ตอบโจทย์กับหลายๆ คนสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่อง ราคาที่ค่อนข้างสูง พื้นที่ใช้สอยที่จำกัด รูปแบบส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม หากต้องการขยับขยายในอนาคตจึงเป็นไปได้ยาก

ซึ่งถ้าหากเลือกขยับออกมาในทำเลใกล้ๆ กัน โดยมีงบประมาณเท่ากัน ก็อาจจะได้ทาวน์โฮม 3-4 ชั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น อย่างโครงการ VERITZ สาธุประดิษฐ์ 34 ก็มีพื้นที่ใช้สอยมาให้มากถึง 400 ตร.ม. รองรับการขยับขยายของครอบครัวในอนาคต นอกจากนี้พื้นที่โซนนี้ การจราจรไม่แออัดมากนัก ทำให้การเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ค่อนข้างสะดวกสบาย หรือเดินทางเข้าสู่โซน CBD เพื่อไปทำงาน หรือติดต่อธุรกิจ ก็เดินทางได้ง่ายเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นครับ

“ทำเลสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน” เนื่องจากทำเลสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 ในปัจจุบันยังยังคงมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาต่ออีกมาก ทำให้อนาคตอาจเติบโตได้มากกว่านี้ ซึ่งก็มีหลายๆ โปรเจคได้วางแผนก่อสร้างไว้ล่วงหน้าบ้างแล้ว บางโปรเจคก็ต่อยอดจากเดิมที่มีอยู่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย และขยับขยายเพื่อรองรับผู้คนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยในทำเลนี้มากขึ้น โดยทำเลนี้เป็นทำเลที่ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่รอบด้านมากๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล ทางด่วน รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิตทั้งนั้น ถ้าหากกำลังมองหาทำเลที่จะเป็นที่อยู่อาศัยระยะยาว ทำเล “ สาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 “ เป็นหนึ่งในทำเลที่ตอบโจทย์มากๆ เลยครับ

—————————————————————– 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.: 092-321-7888 

LINE ID : @astinestate หรือ https://lin.ee/GpnJh3J 

www.astinestate.com 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ตกแต่งบ้านไปกับ “7 เทรนด์สี…ในปี 2022”

ประกาศออกมาแล้วสำหรับ สีประจำปี 2022 นี้ นั่นก็คือ “ VERY PERI ” สีม่วงที่ให้ความรู้สึกถึงความกล้าหาญ สร้างสรรค์ และการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นนิยามของสีประจำปีใหม่นี้ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ปี 2022 นั้น จำเป็นต้องดึงเรื่องของสีสัน เข้ามาเป็นปัจจัยในการที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และเพื่อเยียวยาและยึดเหนี่ยวจิตใจ จากเรื่องต่างๆ ในปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ อีกด้วย

นอกจากสีม่วง VERY PERI แล้ว เทรนด์สีของปี 2022 ยังมีสีอื่นๆ อีกถึง 7 สี ที่มุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกสนุกสนาน ผ่อนคลาย แต่ยังคงแอบแฝงความเข้มแข็งเอาไว้ วันนี้เราเลยจะมาอัพเดตเทรนด์สี และการใช้สีต่างๆ ในการตกแต่งบ้านกัน จะมีสีไหนถูกใจบ้าง วันนี้เรามีตัวอย่างของสีทั้ง 7 มาฝากกันครับ

“ Purple Rose ”  สีม่วง สีที่ช่วยลดความตึงเครียดทางด้านอารมณ์ของเราได้ดี ในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจด้วย และยังเป็นสีที่มีพลังขับเคลื่อนในทุกๆ เรื่องอีกด้วย ซึ่งหากใช้ตกแต่งบ้านอาจจะเลือกเป็นสีของสิ่งของตกแต่งบ้าน มาวางตามจุดต่างๆ หรือเป็นสีของหมอนอิง เพื่อมาช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึก แต่ถ้าหากใช้เป็นสีของผนังอาจจะต้องระวังในเรื่องของห้องที่จะทึบตามมา อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดได้หากใช้มากไป

“ Radiant Yellow ”  สีเหลืองแกมส้ม สีที่ก่อให้เกิดพลังในใจ เติมเต็มสภาวะห่อเหี่ยวหรือหมดไฟได้ดี เป็นสีที่ช่วยสร้างความมั่นใจ และเป็นตัวแทนของการมองโลกในแง่บวก ซึ่งสีนี้หากเรามาใช้ในการตกแต่งบ้าน ควรใช้กับห้องที่ใช้พักผ่อนจะค่อนข้างเหมาะสม เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องโฮมเธียเตอร์ เพราะเราใช้เวลากับพื้นที่เหล่านี้ในการพักผ่อน เติมความสนุกสนาน ความบันเทิงให้กับการใช้ชีวิตอยู่แล้ว จึงเหมาะมากกับการใช้สีเหลือแกมส้มนี้ครับ

“ Stratosphere ”  สีฟ้า เฉดสีที่สามารถสื่อถึงจิตวิญญาณของธรรมชาติ โดยสีนี้ถูกนิยามให้เป็นสีที่สะท้อนปัญหาต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งสีนี้เป็นสีที่เป็นรอยต่อระหว่างน้ำทะเลและท้องฟ้า โดยส่งผลต่ออารมณ์ที่ทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจ สีเฉดนี้เป็นสีที่เหมาะกับบ้านที่อยากได้ความเป็น Minimal เรียบง่าย สามารถใช้เป็นสีของผนังบ้านได้ โดยตัวสีเฉด Stratosphere นั้น ให้ความสว่างกับตัวบ้านภายในได้ เนื่องจากเป็นสีโทนสว่างครับ

“ Anise Flower ”  สีเหลืองดอกโป๊ยกั๊ก หรือสีครีม เป็นสีที่เป็นตัวแทนการปลอบประโลม และการบรรเทาจิตใจผู้คน ถ้าหากเลือกเฉดสีนี้เป็นหนึ่งในโทนของแต่งบ้าน ก็จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งเราก็จะเห็นเฉดสีนี้ได้บ่อยๆ ในของตกแต่งหลายประเภท  อย่างเช่นเทียนหอม ที่เป็นสินค้ามาแรงตลอดปี 2021 หรือแจกัน ถ้วยชาม และของอีกมากมาย ซึ่งสีโทนนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายกับสไตล์การแต่งบ้านแบบ Minimal

“ Java ”  สีน้ำตาลเข้ม ตัวแทนสีของธรรมชาติ เป็นโทนสีที่ใช้กันมาอย่างนาวนาน โดยสีเฉดนี้คือสีของเมล็ดพืช เมล็ดกาแฟ ให้ความรู้สึกเรียบหรู คงความคลาสสิคเอาไว้ เหมาะสมกับการออกแบบ หรือตกแต่งบ้านที่ใช้อยู่อาศัยในระยะยาว เพราะเป็นสีที่มีความยั่งยืน เปรียบกับธรรมชาติที่อยู่อย่างคงทน นอกจากนี้โทนสี Java ยังช่วยสร้างความรู้สึกความอบอุ่นให้กับจิตใจผู้คนด้วย

“ Acid Lime ”  สีเขียวสะท้อนเแสง ความแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน โดยเป็นเฉดสีที่แทนความคิดสร้างสรรค์ ที่หลอมรวมระหว่างความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน  ความนิยมของสีเขียวสะท้อนแสงนี้มีเทรนด์นิยมขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในวงการสถาปนิก บริษัทแฟชั่น แม้จะเป็นโทนสีที่ผู้ใช้อาจรู้สึกถึงความย้อนแย้งในใจ แต่ก็เป็นสีที่ดึงดูดสายตาได้ดี ดังนั้นสีนี้จึงเป็นสีที่บอกถึงความรู้สึก “คาดไม่ถึง” ซึ่งหากนำมาตกแต่งบ้าน ก็คงจะเหมาะกับคนที่ต้องการเติมสีสันให้กับตัวบ้าน เช่นการเลือกเฟอร์นิเจอร์โทนสีนี้ หรือของประดับตกแต่งที่มีเฉดนี้แทรกอยู่ เพื่อเพิ่มความรู้สึกสนุกสนานให้กับตัวบ้านครับ

“ Festival Fuchsia ”  สีชมพูอมม่วง สีที่แสดงพลังขับเคลื่อน และสร้างความรู้สึกเชิงบวกให้ตนเอง เพื่อปลดปล่อยภาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน มีความเข้มข้น สมจริง ใช้กับงานออกแบบได้หลากหลาย โดยแทบจะไม่มีเงื่อนไขใดๆ เป็นสีที่สร้างความรู้สึกเชิงบวกได้ดีมากๆ อีกสีหนึ่ง และให้ความรู้สึกพิเศษในหลายๆ ความรู้สึก เช่นความเย้ายวนใจ ซึ่งการตกแต่งบ้านในเฉดสีนี้อาจเกิดจากความชอบ เพราะยังเป็นสีที่คนไม่นิยมนำมาใช้ตกแต่งบ้านมากนัก แต่เราก็จะพบเห็นสีนี้ถูกนำมาใช้ กับเฟอร์นิเจอร์หลากหลายประเภท  เพราะมีความจัดจ้านของสี จะช่วยให้บ้านนั้นดูมีชีวิตชีวามากขึ้นครับ

แต่งบ้านต้อนรับเทศกาล “Christmas x Happy New Year”

? หนึ่งในช่วงเวลาดีๆ ที่เป็นเทศกาลแห่งความสุข ก็คงต้องเป็นช่วงวันคริสต์มาสตลอดจนถึงช่วงวันขึ้นปีใหม่ ?

โดยจะเห็นได้จากการที่สถานที่ต่างๆ นั้น เริ่มมีการตกแต่งต้นคริสต์มาส ตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับช่วงเทศกาล เดินทางไปไหนก็จะเห็นของตกแต่งสีเขียวตัดกับสีแดงอยู่เป็นระยะ ถือเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีที่ทำให้เราได้รู้สึกว่าเทศกาลดีๆ กำลังจะมาถึง หลายๆ ครอบครัวก็เริ่มมีการตกแต่งบ้าน ด้วยของตกแต่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศดีๆ ให้เกิดขึ้นภายในครอบครัวอีกด้วย 

วันนี้เราก็มีไอเดียที่จะช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศดีๆ ภายในบ้าน ด้วยการตกแต่งบ้านต้อนรับเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่มาฝากกันครับ

เริ่มจากการ “ ตกแต่งบริเวณบ้าน ” หากครอบครัวไหนที่มีพื้นที่บริเวณรอบบ้าน การตกแต่งภายนอกให้เข้ากับเทศกาล ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะนอกจากจะช่วยให้ตัวบ้านดูสวยงามขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศของความสนุกสนานของเทศกาลมากขึ้นด้วย โดยไอเดียที่จะพบเห็นได้บ่อยๆ กับการตกแต่งภายนอกก็คือ การตกแต่งบริเวณประตูทางเข้าบ้าน ก็จะมีการนำต้นไม้ พวงมาลัยคริสต์มาส ไฟตกแต่งที่เป็นเส้นสาย มาประดับตามขอบประตู หรือใช้ของประดับชิ้นเล็กๆ มาติดประดับไว้ที่ประตู เพิ่มความสวยงามครับ 

และจะขาดไปไม่ได้เลยกับการประดับบ้านด้วย “ มุมต้นคริสต์มาส ” ถือเป็นไอคอนของเทศกาลเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสแล้ว ต้นคริสต์มาสยังให้ความรู้สึกของเทศกาลส่งท้ายปีได้ดีเลย หลายๆ บ้านก็จะมีการประดับบ้านด้วยต้นคริสต์มาส ตกแต่งเพิ่มความสวยงามด้วยไฟและของประดับต่างๆ หากพื้นที่จำกัดก็สามารถใช้เป็นของตกแต่งผนังที่เป็นต้นคริสต์มาสแทน ช่วยเปลี่ยนอารมณ์จากบ้านเดิมๆ ให้ดูมีความสนุก ดูไม่ซ้ำจำเจมากขึ้นด้วย

ไอเดียที่เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดก็คือการ “ สร้างสรรค์มุมต่างๆ ด้วยของตกแต่ง ” เพราะว่าของตกแต่งที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่นั้น มีให้ได้เลือกใช้ประดับตกแต่งมากมาย ใช้งานและเก็บออกได้ง่าย เช่น ริบบิ้นสีต่างๆ ของประดับผนัง กระดิ่ง กล่องของขวัญ ถุงเท้า ตุ๊กตา พวงมาลัยคริสต์มาส ซึ่งของประดับเหล่านี้จะช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับบ้านได้ และยังช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านให้มีความสนุกสนานกับเทศกาลมากขึ้นด้วยครับ

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ ครอบครัวมักได้ทำร่วมกันในช่วงเทศกาลก็คือ การรับประทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว ซึ่งไอเดีย “ จัดโต๊ะรับประทานอาหาร “ ก็เป็นไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่นี้ครับ โดยเราแค่ใช้ของประดับโต๊ะทานอาหารเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น สีผ้าปูโต๊ะที่เข้ากับเทศกาล ของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ที่สามารถวางบนโต๊ะอาหารได้ เท่านี้ก็จะเปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาให้เป็นมื้อพิเศษตลอดช่วงเทศกาลได้

อีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยปรับเปลี่ยนบ้านให้เข้ากับเทศกาลก็คือ “ ตกแต่งราวบันไดและผนัง ” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยเพิ่มบรรยากาศดีๆ ให้กับบ้าน ปรับเปลี่ยนบ้านเดิมๆ ให้มีสีสัน ความสนุกสนานให้มากขึ้น ซึ่งไอเดียนี้ก็ค่อนข้างง่าย เพราะใช้ของตกแต่งที่จัดเก็บได้ง่าย ตกแต่งตามทางเดิน ผนังของบ้าน ตกแต่งตามราวบันได เท่านี้ก็จะได้สีสันเพิ่มเข้ามาให้กับตัวบ้านแล้วครับ

นอกจากการตกแต่งบ้านให้เหมาะกับเทศกาลส่งท้ายปีแบบนี้ เราก็จะปิดท้ายเทศกาลวันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันทั้งครอบครัว ซึ่งแต่ละครอบครัวก็คงจะมีกิจกรรมดีๆ ไว้สำหรับทำร่วมกัน เช่น รับประทานอาหารร่วมกัน จับของขวัญ หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย และนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในการส่งมอบความสุขต่อกันในช่วงเวลาส่งท้ายปี และยังเป็นการสานความสัมพันธ์ของคนหลายเจเนอเรชั่นให้เข้าถึงกันมากขึ้นด้วยครับ

เคล็ดลับ…จัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ “ในห้องครัว”

พื้นที่ที่ถูกใช้งานอยู่ทุกๆ วัน ภายในบ้านหรือคอนโด นั่นก็คือพื้นที่ห้องครัว เพราะเราใช้ทำอาหารกันอยู่ในทุกวัน ต้องมีบ้างที่กลิ่นไม่พึงประสงค์จะเล็ดลอดไปในส่วนของห้องต่างๆ หรืออาจจะทิ้งคราบทิ้งกลิ่นให้ติดอยู่ในพื้นที่ทำอาหาร กลิ่นและคราบต่างๆ ก็จะมีการสะสม หากไม่ได้ทำความสะอาด แต่ปัญหาเหล่านั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีง่ายๆ วันนี้เรามีวิธีการดูแลรักษาความสะอาด และกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องครัวมาฝากกันครับ

หลังจากเราใช้งานห้องครัวเสร็จเรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องทำเลยนั่นก็คือการทำความสะอาด เป็นหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดครับ เมื่อเราใช้งานห้องครัวเสร็จแล้ว ต้องรีบเช็ดล้างทำความสะอาด ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้มีคราบหรือเศษขยะที่สะสม โดยจานชามก็ต้องล้างทำความสะอาดในทันทีที่ใช้งานเสร็จด้วย รวมไปถึงเตา เคาน์เตอร์ ต้องเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย หากมีคราบน้ำมันกระเด็นอย่าปล่อยไว้นาน ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาทำความสะอาด และใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันออกได้เลย หากดูและเป็นประจำก็จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ลงไปได้

อุปกรณ์ที่ช่วยดับกลิ่นได้ดีอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “ฮู้ดดูดควัน” เพราะว่าฮู้ดจะช่วยในการดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยลดกลิ่นอาหารภายในครัวได้อย่างดี จึงควรเปิดฮู้ดเอาไว้ทุกครั้งระหว่างการทำอาหาร เพื่อช่วยลดกลิ่นจากการทำอาหาร นอกจากนี้หลังจากไม่ได้ใช้งานแล้ว ต้องไม่ลืมทำความสะอาดแผ่นกรองด้วย เท่านี้ก็จะช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นลดลงครับ

“ ทำความสะอาดฮู้ดดูดควันเป็นประจำ ” ฮู้ดดูดควันเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ในห้องครัวที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำ แต่อาจจะไม่ค่อยได้ทำความสะอาดเท่าไหร่นัก ทำให้มีคราบสกปรกหรือคราบมันตกค้างสะสมอยู่ รวมไปถึงคราบน้ำมันด้วย เราต้องคอยถอดออกมาทำความสะอาดให้บ่อยครั้งขึ้น หลังจากทำความสะอาดแล้วก็ให้ผึ่งใบพัดให้แห้งสนิท และนำมาติดตั้งไว้เหมือนเดิม เท่านี้ก็ช่วยให้ฮู้ดดูดควันสะอาดพร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา และยังช่วยลดคราบ ลดกลิ่นที่สะสมอยู่ภายในครัวได้ด้วยครับ

อีกหนึ่งตัวช่วยลดกลิ่นภายในครัวนั้นก็คือ การออกแบบห้องครัวให้มีช่องหน้าต่าง เพื่อช่วยระบายอากาศภายในครัวให้ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ นอกจากจะช่วยลดกลิ่นแล้ว การที่มีช่องแสงช่องหน้าต่างนั้นยังช่วยทำให้บ้านดูโปร่ง โล่ง สบายตาด้วย

“ ผักสวนครัวช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ” ใช้หัวหอมเป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นอับ กลิ่นอาหารที่ตกค้างภายในครัว โดยทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงผ่าหัวหอมออกเป็นสี่ส่วนและวางไว้ในพื้นที่ห้องครัว เท่านี้ก็จะช่วยบรรเทากลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในครัวลงได้แล้วครับ แต่ก็ต้องไม่ลืมทำความสะอาดครัวหลังการใช้งานเสร็จทุกครั้งด้วย เพราะการใช้พืชผักในการดูดซับกลิ่นนั้น เป็นเพียงแค่ตัวช่วยหนึ่งเพียงเท่านั้นครับ